ราคาทองคำร่วงลึกแค่ไหน ! เมื่อเฟดสปีดขึ้นดอกเบี้ย
ราคาทองคำในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับฐานลงแรงโดยราคาต่างประเทศปรับลงกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออซ์ ขณะที่ทองแท่งร่วงลงมาอยู่ที่ 29,800 บาท แม้ว่าเงินบาทอ่อนค่า แนวโน้มสัปดาห์หน้านี้จะลงลึกแค่ไหน ตามไปดูกันเลย
นายวรุต รุ่งขํา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์หน้ากับ TNNONLINE ว่าราคาทองคำ ฟื้นตัวช่วงสั้นในกรอบจำกัด ซึ่งแนวโน้มยังอยู่ในช่วงขาลง เป็นผลมาจากปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ หลังจากที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยเฟดมีความกังวลเงินเฟ้อมากกว่าเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ทองคำลดความน่าสนใจลง
ทั้งนี้หากนักลงทุนมีราคาทองคำอยู่ในมือควรแบ่งขายออกมาทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยง และรอเข้าซื้อใหม่หากราคาปรับตัวลง ซึ่งทองคำจะถูกกดดันจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะเฟดขึ้นดอกเบี้ย ประเมินแนวรับที่ 1,731 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาแนวรับถัดไปที่ 1,722 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ขณะที่ราคาทองคำแท่งอยู่ที่ 29,450 - 29,500 บาทแนวต้านที่ 1,752-1773 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ราคาทองคำแท่งอยู่ที่ 29,900 - 30,250 บาท ซึ่งหากราคาทองแท่งยืนไม่อยู่อาจจะหลุดไปที่ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
โดยในเชิงจิตวิทยาราคาในประเทศจะอยู่ที่ 29,300 บาทถ้านักลงทุนที่ไม่มีทองคำอยู่ในมือหากราคาต่างประเทศปรับลงมาอยู่ที่ประมาณ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ควรทยอยสะสมและเป็นจุดเข้าซื้อ
ถ้าหากปรับตัวลงต่อแนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 1,676 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ราคาทองในประเทศจะอยู่ที่ 28,900 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดของปี 2021
อย่างไรก็ตาม ปกติราคาทองต่างประเทศที่ปรับตัวลง 75 เหรียญดอลลาร์สหรัฐราคาทองในประเทศต้องปรับลง 700 ถึง 800 บาทแต่ลงได้เพียง 500 บาทเนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าทำให้ทองคำปรับตัวลงไม่มากนักส่วนสาเหตุที่เงินบาทอ่อนเป็นผลมาจากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าในรอบ 20 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้การประชุมเฟดวันที่ 26-27 กรกฎาคมนี้ ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ซึ่งส่งผลให้ทองคำปรับตัวลงต่อ
นอกจากนี้จากข้อมูลสถิติรายปีทองคำจะแกว่งขึ้นลงอยู่ที่ประมาณ 250 ถึง 300 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ แต่ในปีนี้ราคาทองคำแกว่งขึ้นไปแล้ว 337 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ซึ่งแกว่งเกินกว่าค่าเฉลี่ย ก็อาจจะทำให้มีการปรับฐานลงมาบ้าง ตัวราคาทองคำอาจจะปรับตัวลงประมาณ 50 ถึง 60 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์็หรือประมาณ 500-600 บาทต่อบาททองคำ โดยที่อัตราแลกเปลี่ยนที่ 36.00 น ขึ้นๆอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
ถ้าแย่ก็จะเป็นปัจจัยหนุนทองคำ
ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าปัจจัยที่ต้องติดตามตัวเลขนีราคาผู้ผลิต (PPI) และผู้บริโภค (CPI) ตัวเลขค้าปลีก สรุปภาวะเศรษฐกิจ beige book เพื่อกำหนดนโยบายการเงินในอนาคต โดยตัวเลขเงินเฟ้อค้าปลีกสะท้อนเศรษฐกิจการเงินสหรัฐ รวมถึงการประกาศ GDPไตรมาส 2/65 ของจีนตลาดคาดว่าทรงตัว จากไตรมาส 1/65 ดีกว่าคาดการณ์เติบโต 4.8% แต่ต่ำกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่าจะ เติบโต 5% ดังนั้นไตรมาส 2/65 คาดว่าไม่ถึง 5% หรือใกล้เคียงไตรมาส 1 เนื่องจากจีนเผชิญกับโควิด แต่ถ้าหาก GDP ต่ำกว่า 5% จีนอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มหลังจากที่ผ่านมาออกมาแล้ว ระดับหนึ่งเช่นการลดดอกเบี้ย หรืออัดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจเพิ่มจะทำให้เม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนทองคำมากขึ้น
ที่มา นายวรุต รุ่งขํา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด
ภาพประกอบ วายแอลจี