TNN online เปิดโพย 18 หุ้นน่าลงทุนท่ามกลางภาวะตลาดหมี

TNN ONLINE

Wealth

เปิดโพย 18 หุ้นน่าลงทุนท่ามกลางภาวะตลาดหมี

เปิดโพย 18 หุ้นน่าลงทุนท่ามกลางภาวะตลาดหมี

บล.กสิกรไทยคงเป้าดัชนีหุ้นไทย 1,650 จุด เผยตลาดยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงรอบด้านในช่วงครึ่งปีหลังท่ามกลางธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลกหันมาใช้นโยบายการเงินตึงตัว-เงินเฟ้อสูง ชู 6 ธีม 18 หุ้นเด่นที่น่าลงทุนช่วงภาวะตลาดหมี

บล.กสิกรไทยคงเป้า SET Index ปี 2565 ไว้ที่ 1,650 จุด  คำนวณด้วย EPS ที่ 105.90 บาท และ EYG ที่ 3.48% (หรือ -0.875SD) ประมาณการ EPS ล่วงหน้า 12 เดือนของเราปรับเพิ่มขึ้นเป็น 105.90 (+5.5% MoM) จากการปรับปีฐาน EPS จากกลางปี 2565 เป็นสิ้นปี 2565 


ขณะนี้ House view ของเราคาดว่าอัตราตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย ระยะเวลา 10 ปี จะอยู่ที่ 2.90% จากประมาณการเดิมที่ 2.60% SET index ฟื้นตัวขึ้น 4.5% หลังแตะระดับต่ำสุดที่ 1,580 จุด เมื่อเดือนก่อนหนุนจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป


อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยังอยู่ในระดับต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ มุมมองบวกที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้ออาจแตะระดับสูงสุดแล้วจาก US Core EPS ที่ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลงในเดือนเม.ย.2565 การยุติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการเปิดเศรษฐกิจจีนหลังควบคุมการระบาดได้ 


ปัจจัยเสี่ยงหลักในช่วงครึ่งหลังปีนี้

  

เราแนะนำให้ใช้จังหวะที่หุ้นฟื้นตัวในการลดพอร์ตจาก upside ที่จำกัดต่อราคาเป้าหมายของเรา และปัจจัยลบจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวของ Fed และการปรับลดประมาณการกำไรลง เราคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับสูงจากราคาน้ำมันและอาหารที่สูงผลจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ 


ห่วงโซ่อุปทานที่หยุดชะงักลงจากนโยบายโควิด-19 เป็นศูนย์ของจีน และราคาของภาคบริการที่สูงขึ้นจากอุปสงค์ที่อั้นไว้หลังสิ้นสุดวิกฤติโควิด-19 เรามองว่าการที่ Fed จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย และลดขนาดงบดุลจะเพิ่มความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยและเป็นแรงกดดันต่อมูลค่าหุ้น


ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนขาดทุนจากราคาสินทรัพทย์เสี่ยงที่ปรับตัวลง หากจีนตัดสินใจที่จะเดิมพันด้วยวัคซีน mRNA ของตัวเองและคงนโยบายโควิด-19 เป็นศูนย์ เราคาดว่าจีนอาจต้องเลื่อนเปิดประเทศออกไปจากคาดการณ์ของตลาดคือในไตรมาส 4/2565 อีก 2 ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คือพัฒนาการเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสฝีดาษลิง และการใช้จ่ายเงินของภาครัฐที่น้อยกว่าคาดจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ และต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น 

 

หุ้นเด่นรายเดือนแนะนำ 6 ธีมลงทุน ประกอบด้วย

📌กลุ่มอัตราตอบแทนปันผลสูง    (เคลื่อนไหวดีกว่าตลาดในช่วงที่ตลาดอ่อนตัวลง )

KKP       ซื้อ  ราคาเป้าหมาย  87บาท

KTB       ซื้อ  ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท 

DTAC     ซื้อ  ราคาเป้าหมาย 57.52 บาท 



📌กลุ่มที่มีประกันความเสี่ยงต่อไวรัสฝีดาษลิง (กลุ่มโรงพยาบาลและถุงมือทางการแพทย์จะได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของไวรัสฝีดาษลิง )

BCH       ซื้อ  ราคาเป้าหมาย 24 บาท 

STA       ซื้อ  ราคาเป้าหมาย 33 บาท 


📌 กลุ่ม Anti-commodities   (ราคาน้ำมันที่ลดลงจะส่งผลบวกต่อ BGRIM และ EPG จากต้นทุนวัตถุดิบตั้งต้นที่ลดลง)

BGRIM  ซื้อ  ราคาเป้าหมาย 61 บาท 

 EPG ซื้อ  ราคาเป้าหมาย  12บาท 



📌 กลุ่มเปิดประเทศ 

 MTC       ซื้อ  ราคาเป้าหมาย  61.00  บาท 

BEM        ซื้อ  ราคาเป้าหมาย   9.99   บาท 

BJC        ซื้อ  ราคาเป้าหมาย  43.50  บาท 

ANAN    ซื้อ  ราคาเป้าหมาย    1.47  บาท 

SPRC     ซื้อ  ราคาเป้าหมาย    13.10 บาท 

การเปิดเศรษฐกิจ/การเปิดภาคเรียน/กลับไปทำงานที่สำนักงาน รายได้ภาคเกษตรและค่าแรงที่สูงขึ้นคาดจะช่วยหนุนอุปสงค์สินเชื่อของ MTC จำนวนผู้โดยสาร/รถยนต์ที่ใช้ทางพิเศษของ BEM SSSG ของ BJC ยอดขายของ ANAN และ GRM ของ SPRC ให้สูงขึ้น



📌ผู้เล่นกลุ่มเติบโต    (คาดทั้ง 3 บริษัทจะรายงานกำไรสุทธิที่เติบโตแข็งแกร่งในปี 2565/66 )

RBF            ซื้อ  ราคาเป้าหมาย  21.50  บาท 

GUNKUL     ถือ  ราคาเป้าหมาย   5.50  บาท 

CHAYO       ซื้อ  ราคาเป้าหมาย  14.80 บาท 


  

📌พัฒนาการเชิงบวกในจีน  

PSL          ซื้อ  ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท 

JWD         ซื้อ  ราคาเป้าหมาย 22.80 บาท 

SCGP        ซื้อ  ราคาเป้าหมาย 64 บาท 

การเปิดประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนคาดจะช่วยหนุนค่าระวางเรือของ PSL ปริมาณขนส่งของ JWD และราคากระดาษของ SCGP ให้สูงขึ้น 


ที่มา   บล.กสิกรไทย 

ภาพประกอบ  บล.กสิกรไทย 



ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง