กูรูคาดกนง.เล็งทยอยขึ้นดอกเบี้ยสิ้นปีแตะ 1.25% สกัดเงินเฟ้อ
กูรูคาดกนง.ทยอยขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง สกัดเงินเฟ้อ เริ่มเดือนส.ค.เป็นต้นไป สิ้นปีแตะ 1.25% เลี่ยงใช้ยาแรงลดปัญหาเศรษฐกิจชะงัก
นายธรรมรัตน์ กิตติสิริพัฒน์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมที่ 0.50% ตามที่ตลาดคาด โดยคณะกรรมการ 3 ใน 7 คนมีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอีกไม่ช้า สวนทางกับการประชุมในครั้งก่อนที่คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
โดยรายงานการประชุมระบุว่า การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากในปัจจุบันจะมีความจำเป็นลดลงในระยะข้างหน้า นอกเหนือไปจากการลงมติที่เสียงแตก กนง. ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้กนง. คาดว่าเงินเฟ้อในปี 2566 จะขยับขึ้นไปใกล้กับกรอบบนของเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 3% ประกอบกับมีการแถลงในการประชุมว่าการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากมีความจำเป็นลดลง ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้จึงเชื่อว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนสิงหาคมจากเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า
สำหรับการดำเนินนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไป คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งละ 0.25% ในทุกการประชุมที่เหลือของปี 2565 ซึ่งได้แก่ เดือนสิงหาคม กันยายน และพฤศจิกายน และจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายกลับเข้าสู่ระดับก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสที่ 1.25% ณ สิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.50%
อย่างไรก็ตาม โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 3 ครั้งในปีนี้อาจลดลง ซึ่งขึ้นอยู่กับพัฒนาการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเป็นสำคัญ เช่น หากสงครามยูเครนดีขึ้นอย่างมีนัยยะจนนำไปสู่การลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์เป็นวงกว้าง และ/หรือรัฐบาลเพิ่มการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล อาทิ การปรับลดเพดานราคาน้ำมันดีเซลให้ต่ำกว่า 35 บาทต่อลิตร ซึ่งจะช่วยทำให้การส่งผ่านของต้นทุนลดลงและลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อให้ต่ำลง เป็นต้น
“กนง. อาจต้องการลดความเสี่ยง เลี่ยงการใช้ยาแรง หากเลือกที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยปีหน้า เหมือนกับที่ได้เห็นหลายประเทศได้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงถึง 0.50% ต่อครั้งในการประชุม เนื่องจากความเสี่ยงของเงินเฟ้อยังโน้มไปด้านสูงอยู่และต้องใช้ระยะเวลาในการส่งผ่านเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ กนง. เลยเลือกส่งสัญญาณเร็วขึ้นและทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปแทน เพื่อให้ตลาดทยอยปรับตัว แล้วค่อยประเมินภาพของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเป็นระยะ”
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์หลายอย่างยังนับว่ามีความท้าทายและมีความไม่แน่นอนอยู่มาก รวมไปถึงหากเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วและทำให้เกิดการหยุดชะงักของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หรือเศรษฐกิจโลกเกิดปัญหาชะลอตัวอย่างมาก อย่างเช่นยุโรปที่เศรษฐกิจอาจได้รับผลกระทบหนักจากการงดเว้นการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียในปีนี้ ก็อาจทำให้ กนง. เลือกกลับมาแตะเบรค หยุดการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องไปก่อนได้เช่นกัน
ที่มา ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้
ภาพประกอบ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้