ค่าเงินเยน ดิ่งหนักแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี เพราะอะไร?

วันนี้( 8 มิ.ย.65)  ค่าเงินเยนดิ่งลง แตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี เมื่อเทียบกับดอลลาร์  โดยเงินเยน อ่อนค่าลง 0.3% สู่ระดับ 132.33 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2545 หรือต่ำสุดในรอบ 20 ปี หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ทะยานขึ้นเหนือระดับ 3%

ทั้งนี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อ ช่วง เที่ยงของวันที่ 7 มิ.ย. ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 132.59-132.60 เยน เทียบกับ 131.85-131.95 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 130.76-130.78 เยนที่ตลาดโตเกียว ณ เวลา 17.00 น.ของวันก่อน

นายทาคูยะ คันดะ กรรมการผู้จัดการบริษัท Gaitame.com Research Institute กล่าวว่า ในบรรดาธนาคารกลางของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว มีเพียง ธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ เท่านั้นที่ไม่ได้ใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน ซึ่งส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยเขาคาดว่าเงินเยนจะร่วงลงแตะระดับ 132-133 เยนต่อดอลลาร์ ก่อนที่จะแตะเป้าหมายทางเทคนิคระดับต่อไปที่ 135.15 เยนต่อดอลลาร์

การที่นักลงทุนเทขายเงินเยนอย่างหนักในปีนี้ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนลดการถือครองเงินเยนและหันไปซื้อดอลลาร์ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ขณะที่ BOJ ให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงิน แม้ว่าต้องเผชิญกับการทรุดตัวของเงินเยนก็ตาม

 ด้าน นายชูนิชิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของเงินเยนอย่างใกล้ชิด และย้ำว่าเงินเยนที่เคลื่อนไหวอย่างไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานนั้น อาจจะส่งผลกระทบในด้านลบต่อเศรษฐกิจ

ขณะที่นายเออิสุเกะ ซากากิบาระ อดีตรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นเจ้าของฉายา “มิสเตอร์เยน” คาดการณ์ว่า เงินเยนมีแนวโน้มทรุดตัวลงจนถึงระดับเดียวกับในปี 2533 เนื่องจากนโยบายการเงินของญี่ปุ่นและสหรัฐมีทิศทางที่แตกต่างกันมากขึ้น

ความแตกต่างระหว่างนโยบายคุมเข้มทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษของ BOJ ยังคงเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดที่ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างมาก และคาดว่าเงินเยนจะเผชิญกับแรงกดดันจากปัจจัยนี้ต่อไปจนกว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองประเทศจะหดแคบลง  

อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อ พื้นฐานเดือนเม.ย. ของญี่ปุ่น ปรับตัวขึ้น 2.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 7 ปี ซึ่งกว่าสูงกว่าระดับเป้าหมาย จากราคาเชื้อเพลิงและอาหารที่พุ่งสูงขึ้น  โดยการที่เงินเยนที่อ่อนค่าลงได้นำไปสู่ต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาพลังงานและผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพิ่มขึ้นในเวลาต่อมา

ข้อมูลจาก : สำนักข่าวเกียวโด   

ภาพจาก : AFP