แรงซื้อ 4 กลุ่มบิ๊กแคป ดันหุ้นไทยปิดพุ่ง
ตลาดหุ้นไทยปิดบวกสอดรับตลาดหุ้นภูมิภาค คลายกังวลเงินเฟ้อ ผนวกแรงซื้อหุ้น 4 กลุ่มบิ๊กแคปคึกคัก มองแนวโน้มพรุ่งนี้ไปต่อ หากดัชนีเข้าใกล้ 1,660 จุดทยอย take profit ลดน้ำหนักการลงทุน ชู 2 หุ้นเด่น
นายจารุชาติ บูชาชาติ นักกลยุทธ์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,653.61 จุด บวก 14.86 จุด หรือ0.91 % โดยระ หว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ1,656.54 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,646.95 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 67,561.59 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดบวกสอดรับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปิดเขียวสดใสยกเว้นมาเลเซียที่ปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ หลังสหรัฐประกาศ Core PCE ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ที่ 4.9% เท่ากับที่ตลาดคาด และดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคลสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% MoM ที่ดีกว่าคาด
นอกจากนี้จีนได้ลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมให้กับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์อนุญาตให้ผู้ผลิตทุกรายสามารถกลับมาดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้เป็นต้นไปเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น
สำหรับหุ้นที่ดันดัชนีวันนี้เป็นกลุ่มไฟแนนซ์ แบงก์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเปิดเมือง เนื่องจากรัฐประกาศโควิดเป็นโรคประจำถิ่น และเปิดประเทศเต็มรูปแบบ 1 มิ.ย.นี้ ส่วนปัจจัยที่ติดตามที่เหลือของสัปดาห์คือ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน พ.ค. ของจีน ดัชนีเงินเฟ้อยูโรโซน (CPI) ตลาดคาด +7.7% YoY ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน พ.ค. และ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร
ส่วนแนวโน้มหุ้นไทยวันพรุ่งนี้คาดว่าไปต่อ แต่ถ้านักลงทุนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ให้ลดสถานะการลงทุน เนื่องจากวันที่ 1 มิ.ย.สหรัฐฯเริ่มลดขนาดงบดุลอาจทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวนได้
ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ KBANK เราประเมินว่า SET INDEX เข้าสู่การฟื้นตัวหลังรายงานการประชุมเฟดเดือน พ.ค. ไม่มีปัจจัยลบใหม่ ส่งผลให้ Dollar Index และ Bond Yield ทรงตัว และเกิด Risk on ในช่วงสั้นผลักดันตลาดให้ฟื้นตัว เราคาดว่ากลุ่มธนาคารจะเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่ได้อานิสงค์เนื่องจากเชื่อมโยงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยตรง คาดกำไร 2Q65 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากสินเชื่อที่เร่งตัวขึ้น และการตั้งสำรองที่ลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์ COVID ที่กลายเป็นโรคประจำถิ่น ราคาหุ้นยังไม่แพงที่ระดับ PBV เพียง 0.7 เท่า
หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ CFRESH แนวโน้มกำไร 2Q65 คาดเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากต้นทุนกุ้งขาวที่ลดลง -17% QoQ เหลือ 145 บาท/กิโลกรัม และเป็นไตรมาสแรกที่จะรับรู้ประโยชน์จากการอ่อนค่าลงของเงินบาทเทียบกับ USD
ดังนั้น เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ เบื้องต้นเราคาดกำไรปี 2565 ที่ 322 ลบ. เทียบเท่า EPS ที่ 0.35 บาท ราคาปิดล่าสุดเทียบเท่า PER2565 ที่ 10.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอาหารที่ 14-16 เท่า อย่างไรก็ตาม ประเมินกรอบเคลื่อนไหวดัชนีสัปดาห์นี้ไว้ที่ 1,635-1,670 หุ้นหากดัชนีเข้าใกล้ 1,660 จุดทยอย take profit ให้ลดน้ำหนักการลงทุน
ที่มา บล.หยวนต้า
ภาพประกอบ บล.หยวนต้า