TNN online จัดพอร์ตรับทรัพย์สะสมหุ้นกู้เอกชนทั่วโลกเพิ่มผลตอบแทนในกระเป๋า

TNN ONLINE

Wealth

จัดพอร์ตรับทรัพย์สะสมหุ้นกู้เอกชนทั่วโลกเพิ่มผลตอบแทนในกระเป๋า

จัดพอร์ตรับทรัพย์สะสมหุ้นกู้เอกชนทั่วโลกเพิ่มผลตอบแทนในกระเป๋า

SCB CIO มองครึ่งหลังปีนี้เงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวลดลง แนะเป็นจังหวะสมสะมหุ้นกู้ต่างประเทศ -ไทยเครดิตเรตติ้งระดับ A- เพิ่มผลตอบแทนในกระเป๋า

นายศรชัย สุเนต์ตา   ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย SCB Chief Investment office (SCB CIO )  ธนาคารไทยพาณิชย์  เปิดเผยว่า    เงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยครึ่งหลังของปีนี้เริ่มปรับตัวลดลง เริ่มอยู่ในช่วงทยอยลดอัตราเร่งลง ประกอบกับเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง  ส่งผลให้เส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรเริ่มทยอยปรับลดลง (Yield curve)   สะท้อนจากอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.8-3 % ต่อปี จากเดิมอยู่ที่ 1.5% ต่อปี ในช่วง  5 เดือนที่ผ่านมา


ทั้งนี้มองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมตราสารหนี้ต่างประเทศ และไทย ประเภทหุ้นกู้ชั้นดีของบริษัทเอกชน  ที่มีเครดิตเรตติ้งระดับ Investment Grade ตั้งแต่ A- ขึ้นไป  ขณะเดียวกัน ให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (Non- Investment Grade )  และตราสารหนี้ที่จ่ายดอกเบี้ยสูงแต่มีระดับ Credit rating ต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ พร้อมหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชนของจีน โดยเฉพาะหุ้นกู้ High Yield ในภาคอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องจากผลกระทบของการระบาดของโควิดในจีนและการกลับมาใช้นโยบายปิดเมือง


 

ด้านหุ้นกู้ภายในประเทศไทย เช่น หุ้นกู้ภาคเอกชน มองว่าดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาวของไทยได้ปรับขึ้นตามดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯไปแล้วสะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดทั่วโลกจากเงินเฟ้อสูง แม้ว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังไม่ปรับขึ้นก็ตามเพราะเศรษฐกิจไทย พึ่งเริ่มฟื้นตัวและค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่า 


อีกทั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทยมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ตลาดตราสารหนี้ไทยจึงเริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น ทั้งจากดอกเบี้ยนโยบายไทยที่จะขึ้นช้ากว่าเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายประเทศอื่น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ และหากจะมีการปรับขึ้น เราคาดว่าระดับการขึ้นของดอกเบี้ยนโยบายไทย จะน้อยกว่าประเทศสหรัฐ ดังนั้นการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนไทยที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ investment grade เช่นอันดับ A – เป็นต้นไป จึงน่าสนใจทยอยเข้าลงทุนเช่นกัน


SCB CIO แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้ ต้องพิจารณาทั้งจากสัดส่วนการลงทุนและอายุเฉลี่ยตราสารในการลงทุน แนะจัดสัดส่วนประเภทของตราสารหนี้ให้เหมาะกับความเสี่ยงของการลงทุน โดยพิจารณาจากอันดับความน่าเชื่อถือและประเภทของตราสาร ด้านอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นรุนแรงก่อนหน้า จะเน้นอายุเฉลี่ยของตราสารที่สั้นไม่เกิน 1-2 ปี แต่ในระยะข้างหน้า แนะนำสามารถเพิ่มอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ขึ้นได้ 


โดยทยอยเพิ่ม duration ของพอร์ตการลงทุน เน้นเลือกหุ้นกู้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง เช่น อันดับตั้งแต่ A- ขึ้นไปเนื่องจากค่อนข้างมีความปลอดภัยสูง และคาดว่าจะมีความสามารถในการชำระหนี้และจ่ายดอกเบี้ยได้แม้ในช่วงเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว 


ทั้งนี้มองว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ และ ตราสารหนี้โลกและตราสารหนี้ไทยที่มีคุณภาพตราสารดี (Investment Grade) ต่อจากนี้ไป จะมีความเสี่ยงด้านต่ำ (downside risk) ที่น้อยกว่าช่วงต้นปี อย่างไรก็ดี  แนะเลี่ยงกลุ่มตราสารหนี้อันดับความน่าเชื่อถือต่ำ (Non-Investment Grade) และตราสารหนี้ที่ต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (High Yield) เนื่องจากอาจมีโอกาสผิดนัดชำหระหนี้สูงขึ้นได้ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเริ่มหดตัว


ที่มา  ธนาคารไทยพาณิชย์ 

ภาพประกอบ  ธนาคารไทยพาณิชย์ 

 

 

ข่าวแนะนำ