TNN online กสิกรไทยปักธง 5 ธีมลงทุนเดือนพ.ค. ชู 17หุ้นเด็ด

TNN ONLINE

Wealth

กสิกรไทยปักธง 5 ธีมลงทุนเดือนพ.ค. ชู 17หุ้นเด็ด

กสิกรไทยปักธง 5 ธีมลงทุนเดือนพ.ค.  ชู 17หุ้นเด็ด

บล.กสิกรไทยหั่นเป้าดัชนีปีนี้มาอยู่ที่ 1,650 จุด หลังปัจจัยลบต่างประเทศรุมเร้าเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย-รัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ ขณะที่จีดีพีหดตัว-เงินเฟ้อพุ่งไม่หยุด ปักธง 5 ธีมลงทุน ชู 17หุ้นเด่น

บล.กสิกรไทยระบุว่า ได้ปรับลดเป้า SET Index ปี 2565  อยู่ที่  1,650  จุด  จากเดิม 1,680 จุด เนื่องจากความผันผวนของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่งผลให้ความกลัวต่อมาตรการรัดเข็มขัดของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เงินหยวนที่ออนค่าลง การปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) รวมถึง ระดับการใช้มาร์จิ้นที่สูงในตลาด เราจึงได้ปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยลง  โดยอิงตาม EPS ที่ 100.4 บาท และส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรกับตลาดหุ้น (EYG) ที่ -0.875SD 


ขณะที่ประมาณการ EPS ล่วงหน้า 12 เดือนของตลาดถูกปรับขึ้นเป็น 100.4 (+1.5% MoM) และ EPS ถูกปรับฐานไปเป็นปลายไตรมาส 2/2565 จากเดิมคือสิ้นไตรมาสแรก เรายังปรับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี สิ้นปี 2565 ขึ้นเป็น 2.60% จากเดิม 2.40% ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของ KBANK 


ปัจจัยเสี่ยงสำคัญในไตรมาส 2/2565 

SET Index ทำผลงานได้ดีกว่า MSCI ACWI 5% ในเดือน เม.ย. 2565 และ 12% YTD แม้ว่าเศรษฐกิจของไทยจะฟื้นตัวช้ากว่าเศรษฐกิจโลก แม้จำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าฟื้นตัวเร็วขึ้นจากการผ่อนปรนมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ 


แต่นักลงทุนไม่ควรดีใจเร็วเกินไป เนื่องจากจีนและฮ่องกง (30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าของไทยในปี 2562) ยังคงบังคับใช้มาตรการเข้า-ออกประเทศที่เข้มงวดภายใต้มาตรการโควิดเป็นศูนย์ ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังคงไม่คลี่คลาย ส่วนอัตราเงินเฟ้ออาจยังคงสูงขึ้นเป็นเวลานาน ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง  ขณะเดียวกัน Fed จำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดเกี่ยวกับนโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่อาจก่อให้เกิดความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจถดถอย 

 

โดยสภาวะถดถอย 5 รอบจาก 6 รอบที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2518 ส่วนนึงเกิดจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่จีนอาจเลือกปรับลดค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าเพื่อกระตุ้นการส่งออกและหักลบความเสียหายที่เกิดจากมาตรการล็อกดาวน์ 


ทั้งนี้มองว่าค่าเงินหยวนเคลื่อนไหวตามดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดจนกระทั่งเดือน เม.ย. 2565 ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการส่งออกและเงินทุนไหลออกเช่นเดียวกับในปี 2558 


ส่วนการส่งออกของไทยเคยลดลง -5.9% YoY ในปี 2558 ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 664 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดหุ้นไทยและ -4.4 พันดอลลาร์ฯ ในตลาดตราสารหนี้ ส่วน GDP ที่ลดลงและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทไทย โดยเราคาดว่าประมาณกำไรจะถูกปรับลดลงหลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2565 


ธีมการลงทุนและหุ้นแนะนำประจำเดือนพ.ค.


- หุ้นเติบโตสูง  คาดว่ารายงานกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2565-66 

BE8         ซื้อ  ราคาเป้าหมาย  48.56 บาท 

RBF        ซื้อ  ราคาเป้าหมาย  21.50 บาท 

CHAYO   ซื้อ  ราคาเป้าหมาย  14.80  บาท 


- หุ้นอัตราตอบแทนสูง (หุ้นปันผลจะเคลื่อนไหวดีกว่าตลาดในช่วงที่ตลาดอ่อนตัวลง)

KKP      ซื้อ  ราคาเป้าหมาย  87.00  บาท 

KTB     ซื้อ  ราคาเป้าหมาย  15.50  บาท 

DCC    ซื้อ  ราคาเป้าหมาย    3.40  บาท 

DTAC  ซื้อ  ราคาเป้าหมาย  57.52  บาท 


-หุ้น Defensive ราคาน้ำมันที่ลดลงน่าจะส่งผลดีต่อ GPSC และ EPG จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง

GPSC      ซื้อ  ราคาเป้าหมาย   85  บาท 

EPG        ซื้อ  ราคาเป้าหมาย   12  บาท 


-อุปสงค์การเดินทางที่อั้นไว้ การเปิดเศรษฐกิจ การผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางและอุปสงค์ที่อั้นไว้น่าจะช่วยกระตุ้นจำนวนคนไข้ของ BH และช่วยกระตุ้นอัตราการเข้าพักและ ADR ของ MINT และ SHR รวมถึงจำนวนผู้โดยสารของ BEM และอัตราการกลั่นของ SPRC


BH         ซื้อ  ราคาเป้าหมาย  175.00   บาท 

MINT     ซื้อ  ราคาเป้าหมาย    41.49  บาท 

SHR      ซื้อ  ราคาเป้าหมาย     5.56  บาท 

BEM     ซื้อ  ราคาเป้าหมาย     9.99  บาท 

SPRC   ซื้อ  ราคาเป้าหมาย   11.00  บาท 


-ผู้ที่ได้ประโยชน์จากค่าระวางเรือที่ลดลง  (ผู้ส่งออกและนำเข้า) 

ASIAN  ซื้อ  ราคาเป้าหมาย 23.70  บาท 

SAPPE ซื้อ  ราคาเป้าหมาย 33.50  บาท 

 SCGP  ซื้อ  ราคาเป้าหมาย 64  บาท 



ที่มา  บล.กสิกรไทย

ภาพประกอบ   พิกซาเบย์

 


ข่าวแนะนำ