ส่อง 8 หุ้นแกร่ง ! คิวที-เฟดกระทบจำกัด
โบรกประเมินเฟดเริ่มทำคิวทีกระทบต่อตลาดหุ้น เผยให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนหากตลาดปรับฐานลงใกล้ระดับ 1,610 จุด ซึ่งเป็นจุดที่ Price-in การทำคิวทีแล้ว ชู 8 หุ้นเด่นรับผลกระทบจำกัด QT-ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาขึ้น-บาทอ่อน
นายจารุชาติ บูชาชาติ นักกลยุทธ์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดในวันที่ 3-4 พ.ค.นี้ เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% พร้อมกับการลดสภาพคล่อง หรือ Quantitative Tightening (QT) ในระบบ9.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลา 3 เดือน แบ่งเป็นการปรับ
ลดตั๋วเงินคลัง 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และ ตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) จำนวน 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยวัตถุประสงค์คือการทำให้อัตราดอกเบี้ยกลับเข้าสู่สภาวะสมดุลเพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อผ่านการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงการกู้ยืมและลดความต้องการสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจ
หากย้อนไปดูสถิติในช่วงที่เฟดทำ QT ในปี 2560-62 พบว่า S&P500 จะค่อนข้างผันผวนในลักษณะ sideway-up ในขณะที่ SET index จะเป็นลักษณะ sideway-down อย่างไรก็ตาม แผนการทำ QT ในรอบนี้ มีมูลค่าที่สูงกว่าและมีอัตราเร่งที่เร็วกว่าครั้งก่อนมาก จึงมีแนวโน้มสูงที่ผลกระทบในรอบนี้จึงจะมากกว่าเช่นกัน
สำหรับผลที่ตามมาคือ Bond yield หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตร จะปรับตัวขึ้นใน ช่วงแรกของการทำ QT เช่นเดียวกับ Real yield หรืออัตราดอกเบี้ยที่แท้จจริง ซึ่งจะทำให้ความน่าสนใจในตลาดหุ้นลดลงหากประเมินผลตอบแทนผ่าน Earning yield gap
อย่างไรก็ตาม หากธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มประกาศใช้มาตรการ QT หลังการประชุม FOMC ในวันที่ 4 พ.ค. 65 เราคาดผลกระทบของสภาพคล่องทางการเงินที่เริ่มลดลงจะนำไปสู่การ De-rate PE Multiple ของตลาด S&P500 และ SET Index ที่ปัจจุบันซื้อ-ขายเหนือค่าเฉลี่ยที่ 19.8x (+0.5SD) และ 17.6x (+0.7SD)
ทั้งนี้ได้ประเมินผลกระทบผ่านการทำ Regression Analysis โดยอิงสมมติฐานดังนี้ 1. ปัจจัยอื่นๆ ที่กระทบการเคลื่อนไหวตลาดคงที่ 2. Fed จะทำการลด Balance sheet จาก 9.0 ล้านล้านดอลลาร์ ลงเหลือ 8.3 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วงสิ้นปี 2565 (ประมาณการอย่างอนุรักษ์นิยมที่ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือนเริ่มต้นในเดือน พ.ค.)
3. อิงข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี เริ่มนับถอยหลังจากวันที่ 6 เม.ย. เนื่องจากเป็นวันก่อนหน้า Fed เผยแผนการทำ QT ผ่าน Fed Minutes พบว่าเป้าหมาย PER ของ S&P500 และ SET Index จะถูกปรับลดลงเป็น 18.6xและ 16.6x ตามลำดับ อิง PER ของ SET Index ที่ 16.6x และ อิง EPS ปี2565 ของ Bloomberg Consensus ที่ 97 บาท/หุ้น จะได้เป้าหมาย SET Index ที่ 1,611 จุด ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 10 ปี
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้น จึงยังไม่แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้น และกลับมาเพิ่มน้ำหนักอีกครั้งหลังจากตลาดปรับฐานเข้าใกล้ระดับ 1,610 จุด +/- ซึ่งคาดเป็นจุดที่ Price-in การทำ QT แล้ว 100% ในปี 2565
ทั้งนี้ เราแนะนำปรับพอร์ตการลงทุนสู่กลุ่มที่คาดได้รับผลกระทบจำกัดจากประเด็น QT และได้ประโยชน์ในระยะสั้น-กลางจาก แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นและเงินบาทที่อ่อนค่า ได้แก่
กลุ่มธนาคาร กลุ่มประกันและหุ้นส่งออก รวมไปถึงกลุ่มท่องเที่ยว แนะนำ KBANK (FV@180) SUN ([email protected] ) TU (FV@23) GFPT ([email protected] ) SPA (FV@10) รวมถึงหุ้น CFRESH, BLA และ PIMO เป็นต้น
ที่มา :นายจารุชาติ บูชาชาติ นักกลยุทธ์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)
ภาพประกอบ : บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)