TNN online แบงก์กรุงเทพอวดงบ 1Q65 กวาดกำไรสุทธิ 7,118 ล้านบาท

TNN ONLINE

Wealth

แบงก์กรุงเทพอวดงบ 1Q65 กวาดกำไรสุทธิ 7,118 ล้านบาท

แบงก์กรุงเทพอวดงบ 1Q65  กวาดกำไรสุทธิ  7,118 ล้านบาท

ธนาคารกรุงเทพประกาศงบไตรมาส 1 /65 กำไรสุทธิ 7,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% หลังคุมค่าใช้จ่าย -รายได้ดอกเบี้ยพุ่ง ขณะที่สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ยังเติบโตแม้เผชิญโควิด ยันเงินกองทุนแข็งแกร่ง

 ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2565 จำนวน 7,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  2.8% ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 2.11  % สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง  16.1 %   เนื่องจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมลดลงตามสภาวะตลาด และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจากธุรกิจบัตรเครดิต และบริการประกันผ่านธนาคารและกองทุนรวม


ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง 1.6  % ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่  49.8 %  ทั้งนี้ ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 6,489 ล้านบาท


ธนาคารกรุงเทพยังคงดำรงฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ

ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,587,534 ล้านบาท อยู่ในระดับเดียวกับสิ้นเดือนธันวาคม 2564 โดยมีสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่เพิ่มขึ้นสุทธิ แต่สินเชื่อกิจการต่างประเทศลดลง  สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่  3.3 % 


ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและเพิ่มขึ้นเป็น  229 % 


ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 จำนวน 3,194,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  1.2% จากสิ้นปีก่อน เป็นผลจากการที่ลูกค้ายังคงต้องการดำรงสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงในภาวะที่ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 81 % 


 ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อยู่ที่19.5  อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16.0 %และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่   15.2%  ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด


สำหรับเศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง จากผลกระทบอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีกรอบ รัฐบาลจึงต้องเข้มงวดเรื่องการเข้าเมืองอีกครั้ง ทำให้การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศชะลอลง 


ขณะเดียวกัน สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน นำไปสู่การปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและพลังงานโลก ตลอดจนราคาสินค้าโภคภัณฑ์บางประเภท ด้วยเหตุนี้ อัตราเงินเฟ้อจึงได้ปรับเพิ่มขึ้นในประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทย ทำให้การบริโภคของภาคเอกชนภายในประเทศชะลอตัว 


นอกจากนี้ ยังทำให้ธนาคารกลางในบางประเทศต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก ทำให้ภาคการส่งออกของไทยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวได้เพียง  12.2 % จากเดิมที่เคยขยายตัวได้ถึง  22.1 ในไตรมาสก่อนหน้า 


ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้าความผันผวนของตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มว่าจะใช้เวลานานและไม่เท่ากัน โดยแต่ละธุรกิจใช้เวลาในการปรับตัวที่แตกต่างกันออกไป บางธุรกิจฟื้นตัวได้รวดเร็วเช่นกิจการส่งออกไปต่างประเทศขณะที่บางธุรกิจฟื้นตัวช้ากว่าเช่นกิจการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและสันทนาการ 


ทั้งนี้ธนาคารกรุงเทพได้ดำเนินการช่วยเหลือลูกค้าในแต่ละภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบในแต่ละช่วงที่ลูกค้าประสบปัญหาโดยเน้นให้การสนับสนุนสภาพคล่องทั้งในระยะสั้นเพื่อประคับประคองให้ธุรกิจอยู่รอด และสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนเมื่อธุรกิจกลับมาฟื้นตัว 


นอกจากนี้ ธนาคารดำเนินธุรกิจด้วยเจตนารมณ์ของการเป็น“เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” พร้อมแบ่งปันความรู้และความเชี่ยวชาญเพื่อสนับสนุนลูกค้าให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการให้คำแนะนำในการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจตามแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ในขณะเดียวกันธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุน

ให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

 


ที่มาธนาคารกรุงเทพ 

ภาพประกอบ  ธนาคารกรุงเทพ 



ข่าวแนะนำ