โบรกคาด 6 แบงก์ฟันกำไร 1Q65 ทะลุ 3.9 หมื่นล้าน แนะช้อป 3 หุ้นเด่น

นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส  เปิดเผยว่า  สัปดาห์หน้าเข้าสู่ฤดูกาลผลประกอบการงวด 1Q65 ของกลุ่มธนาคาร เริ่มต้นด้วย TISCO ในวันที่ 18 เม.ย. 65 ก่อนจะปิดท้ายด้วย KBANK และ SCB ในวันที่ 21 เม.ย. 65 โดยฝ่ายวิจัยคาด กำไรสุทธิกลุ่มฯ (6 ธนาคาร) งวด 1Q65 อยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท เพิ่ม 19% QoQ (+7% YoY) หนุนด้วยแนวโน้ม Credit Cost กลุ่มฯ ต่ำลง 20 bps QoQ (-10 bps YoY) มาที่ 1.3% อานิสงส์จากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 

รวมทั้งการเร่งตั้งผลขาดทุนด้าน เครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ช่วงก่อนหน้านี้ สะท้อนจาก Coverage Ratio กลุ่มฯ ณ สิ้นงวด 4Q64 ที่ 163% 

ด้านกำไรก่อนสำรอง (PPOP) คาดฟื้นตัว 4% QoQ (+2% YoY) เพราะประเมินค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (OPEX) อ่อนตัว 12% QoQ ตามฤดูกาล (+5% YoY) ชดเชยรายได้รวมที่คาดไว้ 1.53 แสนล้านบาท ลบ 3.5% QoQ (+3.6% YoY) เหตุเพราะ (-) รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non – NII) คาดลบ 12% QoQ (-6% YoY) ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท เนื่องจากรายได้ที่มิใช่การดำเนินงานหลักมีฐานสูงงวดก่อน จาก SCB ที่มีกำไรจากการขาย NPA, NPL 

เช่นเดียวกับ KKP ที่มีหนี้สูญรับคืน กอปรกับทิศทางรายได้ค่าธรรมเนียมกลุ่มฯ อยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท ลด 5% QoQ (-6% YoY) ตามปัจจัยฤดูกาล อาทิ TISCO ที่มี Performance fee จากธุรกิจบริหารจัดการกองทุน (+) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) เพิ่มขึ้น 0.5% QoQ (+8.5% YoY) กำหนดสมมติฐาน NIM กลุ่มฯ ทรงตัว QoQ และ YoY บนแนวโน้มสินเชื่อขยายตัว 1.1% QoQ (+6.3% YoY) และ 1% QoQ (+8% YoY) ตามลำดับ อิงจาก ธ.พ. 1.1 ณ สิ้น ก.พ. 65 สินเชื่อกลุ่มฯ บวก 0.4% MoM 

ซึ่งคาดหมายทิศทางสินเชื่อกลุ่มฯ น่าจะมีแรงส่งช่วง มี.ค. 65 (ข้อมูลย้อนหลัง มี.ค. 64 เพิ่มประมาณ 0.8% MoM) หลังเข้าสู่ฤดูกาลขายรถยนต์ใหม่ เอื้อต่อสินเชื่อเช่าซื้อ รถยนต์และ Floorplan รวมทั้งสินเชื่อ Working capital สำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ 

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประเมิน ธ.พ. ที่รายงานกำไรขยายตัวเด่นกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ เชิง QoQ นำโดย SCB (+31% QoQ, +3% YoY), BBL (+23% QoQ, +13% YoY) และ KTB (+21% QoQ, +8 % YoY) 

ขณะที่ KBANK (+14% จากฐานสูงราว 9.9 พันล้านบาท ในงวด 4Q64, +6% YoY) ส่วน KKP คาดเป็น ธ.พ. เดียวที่รายงานกำไรอ่อนตัว 11% QoQ (+23% YoY) เพราะงวดก่อน Non – NII มีหนี้สูญรับคืนราว 1 พันล้านบาท ทั้งนี้ หากกำไรสุทธิ 1Q65 เป็นไปตามคาดการณ์จะคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 27% ของ ประมาณการกำไรสุทธิปี 2565  

สำหรับคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในการบริหารจัดการรับผลบวกจากมาตรการ ธปท. แนวโน้ม NPL / Loan ณ สิ้นงวด 1Q65 อยู่ในระดับใกล้เคียง 4Q64 ที่ 3.8% เนเป็นผลมาจากเศรษฐกิจไทยที่มีทิศทางดีขึ้น ย่อมบวกต่อรายได้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 

ขณะที่แนวโน้มระยะถัดไปเศรษฐกิจไทยน่าจะได้แรงหนุนจากการเปิดประเทศของภาครัฐ (ภาคท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วน 20% ของ GDP ไทย) เอื้อต่อลูกหนี้ในกลุ่มภาคบริการ ประกอบกับมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาวของ ธปท. 

ซึ่งลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว ธ.พ. สามารถผ่อนผันการจัดชั้นลูกหนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2566 ภายใต้ปัจจัยข้างต้นฝ่ายวิจัยประเมิน ช่วยให้การปรับตัวขึ้นของ NPL ช่วงที่เหลือของปี อยู่ในกรอบเป้าหมายทางการเงินของแต่ ละธนาคาร (เพิ่ม 0.2% - 0.8% จากสิ้นปี 2564) ทั้งนี้ การปรับขึ้นของ NPL สวนทางกับ Credit Cost ที่มีแนวโนม้ลดลง เพราะการเร่งตั้งสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงของ ธ.พ. ตั้งแต่ปี 2563 

สำหรับกลุ่มฯ คงมุมมองบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2565 – 66 ตามการ Recovery ของภาคท่องเที่ยว คาดหนุนต่อรายได้ครัวเรือน ช่วยลดความ เสี่ยงด้านงบดุลที่ยังไม่ได้สะท้อนศักยภาพการชำระหนี้ที่แท้จริงของลูกหนี้ อันเป็นผลมา จากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้

ขณะที่ SETBANK ซื้อขายบน PBV ที่ 0.75 เท่าตอบรับ ประเด็นด้านงบดุลตามข้างต้นบางส่วนแล้ว เลือก ธ.พ. ที่มีจุดเด่นเฉพาะ นำโดย KBANK (FV@B174 )  รับประโยชน์มากสุดจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว 

ขณะที่ในระยะ ยาวปรับตัวเข้าสู่ยุค Fin tech ค่อนข้างโดดเด่น อีกทั้งแนวโน้ม ROE สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ   ตามด้วย BBL(FV@B152) ราคาหุ้นซื้อขายที่ PBV ราว 0.5 เท่า ส่วน ธ.พ. ขนาดเล็ก ชอบ TISCO(FV@B106) เพราะแนวโน้ม ROE (ราว 16%) และ Div yield (7%) สูงสุดในกลุ่มฯ 

ที่มา นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส 

ภาพประกอบ  เอเซียพลัส