TNN online 3 ปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศถ่วงหุ้นไทย ชู Selective Buy

TNN ONLINE

Wealth

3 ปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศถ่วงหุ้นไทย ชู Selective Buy

3 ปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศถ่วงหุ้นไทย   ชู Selective Buy

โบรกมองหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ เกาะติด 3 ปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศถ่วงดัชนี ประเมินกรอบเคลื่อนไหวพรุ่งนี้ 1,680-1,700 จุด เน้น Selective Buy กำไรเติบโต

นายจารุชาติ บูชาชาติ นักกลยุทธ์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)   เปิดเผยว่า  ตลาดหุ้นไทยภาพรวมปัจจัยบวกมหภาคไม่มีเข้ามาในช่วงนี้  แต่ประเด็นหลักที่ต้องติดตาม 3 เรื่องสำคัญคือการ เปิดเผยราย งานการประชุม หรือ Fed minutes เรื่องการปรับลดขนาดงบดุล  (Quantitative Tightening)ว่าจะออกมารูปแบบไหน 


เพราะที่ผ่านมานายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดยังไม่เคยพูดถึงในเรื่องดังกล่าวทำให้นักลงทุนรอดูว่าข้อมูลที่ประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) สหรัฐฯจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ซึ่งมองว่าการดึงสภาพคล่องออกจากระบบเป็นsentiment เชิงลบต่อตลาดได้


นอกจากนี้ต้องติดตามถ้อยแถลงของนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ เนื่องจากที่ผ่านมามีมุมมองต่อนโยบายการเงินอย่างแข็งกร้าว (Hawkish)  

และสนับสนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.5%ตั้งแต่แรก ซึ่งหากเน้นไปที่การเข้มงวดขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อมากกว่าเดิมจะเป็นปัจจัยกดดันตลาด 

 

ขณะที่ยุโรปจะหารือกรณีคว่ำบาตรรัสเซีย แต่รัสเซียจะตอบโต้คืนด้วยการหยุดการส่งก๊าซไปยังยุโรป ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะส่งผลให้ราคาพลังงานดีดปรับตัวขึ้น ส่วนกรณีเงินเฟ้อของไทยมี.ค.ที่แตะ 5.7% นั้น ใกล้เคียงที่ตลาดคาดว่าอยู่ที่ 5.6% หากอียูคว่ำบาตรรัสเซียจะทำให้เงินเฟ้อลากยาวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยปัจจุบันไทยนำเข้าน้ำมันวันละ 1 ล้านบาร์เรล


สำหรับแนวโน้มหุ้นไทยช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์ดาวน์ ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,680-1,700 จุดด้านกลยุทธ์ลงทุนเน้น  Selective Buy ที่อิงเศรษฐกิจในประเทศไม่พึ่งพาต่างประเทศ แนะนำ  DTAC ราคาเป้าหมาย  59 บาท   หากควบรวมกับ TRUE สำเร็จจะมีสินทรัพย์มากกว่า ADVANC นอกจากนี้จะได้รับแรงหนุนสองด้านสำคัญ 1. การ Re-rate Multiple ของกลุ่มขึ้นจากแนวโน้มการแข่งขันในระยะยาวที่จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ


การได้ประโยชน์จาก economies of scale ที่เพิ่มขึ้น สำหรับระดับการถูก Re-rate ขึ้น เนื่องจาก Merge Co. จะมีส่วนแบ่งการตลาด ปริมาณโครงข่ายและฐานลูกค้าที่สูงกว่า ADVANC แต่มี   EBITDA Margin ที่ต่ำกว่า หากเราอิงกรอบการซื้อขาย ของ ADVANC ในภาวะที่ตลาดมีผู้เล่น 3 รายที่ EV/EBITDA 8x-10x Merge Co. ควรถูกซื้อขาย อย่างน้อยใกล้เคียงกรอบล่างที่ EV/EBITDA 8x 


2. ตลาดมีโอกาสสูงที่จะต้องปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ TRUE และ DTAC ซึ่งสุดท้ายจะสะท้อนอยู่ในกำไรของ Merge Co. ที่จะเกิดขึ้น เราประเมิน Synergy ในระยะยาวอย่างน้อย 1-2 หมื่นล้านบาท ต่อปีจากการลดต้นทุนคลื่นที่เช่าใช้งาน การลด CAPEX ซ้ำซ้อน การลดการอุดหนุนค่าเครื่องการทำ Network Optimization และการลดการแข่งขันด้านราคา


โดยประเมินกำไรส่วนเพิ่มของ Merge Co. ตั้งแต่ปี2566-2568 ที่ 5.1 พันล้านบาท 8.6 พันล้านบาทและ 1.2 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ด้วยสมมติฐานแบบอนุรักษ์นิยม เนื่องจากเราประเมินเพียง ARPU 

ที่กลับมาเติบโต การอุดหนุนค่าเครื่องที่ลดลงและการทำ Network กับ Spectrum Optimizationแต่ยังไม่ได้ประเมินผลบวกจาก CAPEX และ SG&A ที่จะลดลงเข้าไว้ใน Synergy ดังกล่าว


หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ KBANK ราคาเป้าหมาย 180 บาท เนื่องจากคาดการณ์กำไรไตรมาส 1/65 แตะที่ 11,000 ล้านบาทเติบโตทั้ง YOY และ QOQ หลังจากมีการตั้งสำรองลดลง  ขณะที่สินเชื่อเติบโต 2%

QOQ  นอกจากนี้การเข้าร่วมทุนกับ JMT จัดตั้งบริษัทให้บริการธุรกิจให้บริการติดตามหนี้  และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทำให้มีความได้เปรียบผู้เล่นรายอื่น 


ที่มา บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) 

ภาพประกอบ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) 

ข่าวแนะนำ