จับตา 'ไบเดน' ต่อสาย 'สี จิ้นผิง' หารือวิกฤตยูเครน - การค้า
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ตลาดการลงทุนโลกต้องจับตาในวันนี้ คือการต่อสายสนทนาทางโทรศัพท์ของประธานาธิบดี "โจ ไบเดน" ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง" ผู้นำของจีน ซึ่งตามการเปิดเผยของทำเนียบขาว ระบุว่าผู้นำทั้ง 2 ชาติมีหลายประเด็นที่จะหารือร่วมกัน
ปัจจัยติดตาม
1.จับตา 'ไบเดน' ต่อสาย 'สี จิ้นผิง' หารือวิกฤตยูเครน - การค้า
นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า หนึ่งในประเด็นที่ประธานาธิบดี "โจ ไบเดน" และประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง" จะหารือร่วมกัน คือสถานการณ์เกี่ยวกับการที่รัสเซีย ส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนอยู่ในขณะนี้ นอกจากนั้น ก็จะเป็นการหารือในประเด็นการแข่งขันทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมไปถึงประเด็นอื่นๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีความกังวลร่วมกัน โดยนางซากีกล่าวว่า "นี่เป็นความพยายามของทั้ง 2 ฝ่าย ที่จะยังคงเปิดช่องทางการสื่อสารระหว่างกัน"
การต่อสายสนทนาทางโทรศัพท์ของผู้นำทั้ง 2 เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ยังคงเดินหน้าเจรจาสันติภาพเพื่อยุติความขัดแย้ง ในขณะที่ก่อนหน้านี้ มีความเห็นหนึ่งออกมาจากนายสตีเฟน โรช นักเศรษฐศาสตร์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ที่กล่าวว่า ขณะนี้ มีบุคคลเดียวในโลกที่จะสามารถโน้มน้าวประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในการคลี่คลายวิกฤตการณ์ในยูเครน นั่นก็คือประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีน
ซึ่งนายสตีเฟน โรช ยังบอกด้วยว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ควรจะฉวยโอกาสนี้ ทำสิ่งดีที่สุดที่จีนสามารถทำได้ นั่นคือการเป็นคนกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างรัสเซียและยูเครน
ทั้งนี้ จีนยังคงกระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัสเซีย ซึ่งที่ผ่านมา จีนได้ปฎิเสธที่จะเข้าร่วมการคว่ำบาตรรัสเซียตามสหรัฐฯ และชาติตะวันตก อีกทั้งยังได้งดออกเสียงต่อมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ในการประณามรัสเซียที่ส่งกำลังทหารโจมตียูเครน แต่อย่างไรก็ตาม จีนเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่เห็นด้วย กับการที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครน พร้อมกับสนับสนุนให้เกิดการเจาจราเพื่อให้เกิดสันติภาพ
2. BoE เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 3 สู้เงินเฟ้อพุ่งสูงสุดรอบ 30 ปี
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งเป็นขนาดใหญ่แห่งแรกของโลกที่ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 ยังคงดำเนินนโยบายการเงินเข้มขึ้นขึ้นด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ
ล่าสุด การประชุมวานนี้ ธนาคารกลางอังกฤษ มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ตามการคาดการณ์ของตลาด ส่งผลให้ดอกเบี้ยของอังกฤษ ขยับขึ้นสู่ร้อยละ 0.75 ซึ่งถือเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยกลับสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 แล้ว ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งติดต่อกันของธนาคารกลางอังกฤษ เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ โดยมีปัจจัยความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน เข้ามาเป็นปัจจัยเร่ง โดยก่อนเกิดความขัดแย้งดังกล่าว เงินเฟ้อในอังกฤษพุ่งแตะร้อยละ 5.5 ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี ล่าสุด ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่ามมา เงินเฟ้อในอังกฤษ เร่งตัวขึ้นมาแตะร้อยละ 7.1 % ซึ่งถือว่าสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ร้อยละ 2 ของธนาคารกลางอังกฤษอยู่ค่อนข้างมาก
เมื่อเดือนที่แล้ว ธนาคารกลางอังกฤษเพิ่งมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 สู่ร้อยละ 0.50 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งติดต่อกัน หลังจากเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ธนาคารกลางอังกฤษ เป็นธนาคารกลางแห่งแรก ที่มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
3.ญี่ปุ่นยังไม่บรรลุเป้าเงินเฟ้อ BOJ ยืนนโยบายการเงินผ่อนคลาย
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ขณะนี้ กำลังประชุมคณะกรรมการนโนบายการเงินเช่นกัน ซึ่งสัญญาณในฝั่งของญี่ปุ่นที่ออกมาตอนนี้ มีแนวโน้มว่า BOJ น่าจะยังคงต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษต่อไป สวนทางแนวนโยบายของเฟด ที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งแรกแล้วที่ร้อยละ 0.25
นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น เปิดเผยวานนี้ว่า สัญญาณเศรษฐกิจญี่ปุ่นในตอนนี้ ยังไม่มีแนวโน้มที่จะเห็นอัตราเงินเฟ้อแตะระดับเป้าหมายที่ร้อยละ 2% แม้ในขณะนี้ ราคาพลังงานจะพุ่งขึ้นก็ตาม ซึ่งจากสัญญาณดังกล่าว จึงทำให้ BOJ ยังคงต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษต่อไป โดยนายคุโรดะย้ำด้วยว่า ญี่ปุ่นอาจต้องใช้เวลาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ร้อยละ 2 อย่างมั่นคง ดังนั้น จึงยังเร็วเกินไปที่จะหารือถึงรายละเอียดเพื่อยุติการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
ทั้งนี้ แม้จะมีคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ว่า อัตราเงินเฟ้อฝั่งผู้บริโภคของญี่ปุ่น จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่เกือบร้อยละ 2 ตั้งแต่เดือนเมษายน เนื่องจากผลกระทบจากการปรับลดค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นจะลดน้อยลง แต่อย่างไรก็ดี นายคุโรดะก็ไม่คาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะแตะเป้าหมายร้อยละ 2 ได้นานพอ ที่จะสนับสนุนการยกเลิกมาตรการกระตุ้นทางการเงิน
โดยเขาย้ำว่า "เศรษฐกิจของญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่เอื้อให้เงินเฟ้อแตะเป้าหมายที่ร้อยละ 2 ได้อย่างยั่งยืน แม้ว่าผลกระทบจากการลดค่าโทรศัพท์จะลดลง และราคาพลังงานจะพุ่งขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ตาม ดี หากในระยะถัดไป แบงก์ชาติสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อแล้ว จะพิจารณายุติการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ และจะเปิดเผยแผนการในลำดับต่อไป
#ไบเดน #สีจิ้นผิง #เงินเฟ้อ #TNNWealth #TNNช่อง16
ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์
• Line @TNNWEALTH : https://lin.ee/TQ14oAe
• Facebook : https://www.facebook.com/TNNWealth
—————————————————————————
ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Website : https://bit.ly/TNNWealthWebsite
• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok
หรือดูรายการ Live ได้ทาง
https://www.facebook.com/TNN16LIVE/