ตลาดคอมพิวเตอร์พีซีปี64 โตร้อยละ 14.8 อานิสงส์ WFH เพราะสถานการณ์โควิด-19

วันนี้( 13 ม.ค.64) บริษัทวิจัยข้อมูล “อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น” (ไอดีซี) ระบุว่า ตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ในปีที่แล้วมียอดขายอยู่ที่ 349 ล้านเครื่อง ขยายตัวร้อยละ 14.8 เมื่อเทียบจากปี 2563

นับเป็นการจัดส่งคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ แล็ปท็อป และเวิร์กสเตชั่น หรือคอมพิวเตอร์สำหรับรองรับโปรแกรมที่ใช้การประมวลผลขั้นสูง มากที่สุดในรอบ 1 ปี นับตั้งแต่ปี 2555 นอกจากนี้ ยังมากกว่าปี 2560 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดแตะจุดต่ำสุด ราวร้อยละ 34 

สำหรับบริษัทพีซีรายใหญ่สุด 6 แห่งในแง่การจัดส่งสินค้าในปี 2564 ได้แก่ เลอโนโว, เอชพี, เดลล์, แอปเปิล, เอซุส และเอเซอร์ 

การฟื้นตัวในตลาดพีซีเกิดขึ้นหลังชะลอตัวต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากสมาร์ทโฟนกลายเป็นที่นิยมและเป็นสินค้าขายดีที่สุดในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 

โดยการฟื้นตัวดังกล่าวได้แรงหนุนจากมาตรการจำกัดพื้นที่ หรือล็อกดาวน์ รวมถึงการที่ผู้คนต้องทำงานและเรียนจากบ้านในระหว่างการระบาดของโควิด-19 จึงต้องซื้อแล็อปท็อปและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเครื่องใหม่

ขณะเดียวกัน การฟื้นตัวยังเกิดขึ้นในปีที่เกิดปัญหาการขาดแคลนพีซีชั่วคราว เพราะข้อจำกัดด้านอุปทานจากการขาดแคลนชิปทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม มีเสียงเตือนว่ายอดขายที่ฟื้นตัวในตลาดพีซีอาจไม่ได้ยั่งยืน หากการระบาดของไวรัสคลี่คลาย และเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวในปีนี้ 

แต่ก็มีฝ่ายที่มองในแง่บวกว่าตลาดจะยังเติบโต โดย “ราหุล ทิคู” ผู้บริหารของ “เดลล์” บริษัทคอมพิวเตอร์รายใหญ่จากสหรัฐฯ มองว่า การระบาดของไวรัสขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแบบถาวรในการซื้อพีซี ซึ่งกำลังเปลี่ยนจากพีซี 1 เครื่องต่อ 1 ครัวเรือน เป็นพีซี 1 เครื่องต่อ 1 คนในครัวเรือนแทน

ที่มา:  อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น 

ภาพประกอบ : AFP