โบรกชูหุ้นปันผล - Growth Stock ฝ่าวิกฤติโควิด
โบรกมองหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่งตัวออกข้าง ระวัง! ปัจจัยใน-นอกรุมเร้ากดดันตลาด จับตาประกาศงบแบงก์ไตรมาส 4/64 มองแนวรับที่ 1,640 จุดแนวต้านที่ 1,670 จุด ชูหุ้นปันผล-Growth Stock เด่น
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (10-14 ม.ค.)ว่า แกว่งตัวออกข้าง หลังจากที่หุ้นปรับขึ้นมาแรงก่อนหน้านี้ และกังวลปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมระหว่างวันที่ 14-15 ธ.ค.64 ที่ผ่านมาส่งสัญญาณการตึงตัวนโยบายการเงินมากขึ้น ซึ่งมีการพิจารณาลดขนาดงบดุล (Balance Sheet) ด้วยการดึงสภาพคล่องกลับ
โดย Consensus คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.นี้ หลังจากสิ้นสุดมาตรการคิวอีในเดือนมี.ค. 65 แต่ต้องรอดูผลการประชุมเฟดอย่างเป็นทางการในวันที่25-26 ม.ค.นี้อีกครั้ง ดังนั้นการลงทุนในช่วงปลายเดือนต้องระมัดระวัง
สำหรับการแพร่ระบาดของโอมิครอนยังไม่น่ากังวล แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะอยู่ในระดับสูง ซึ่งศบค.ไม่ได้ล็อกดาวน์ แต่ปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ ด้วยการเพิ่มจังหวัดพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก 39 จังหวัด เป็น 69 จังหวัด และขยายเวลา work from home ไปจนถึง 31 ม.ค. 65
ทั้งนี้ต้องระวังแรงกดดันจากเงินกองทุนรวมระยะยาว (LTF) ครบกำหนด 7 ปี โดยปกติเงินส่วนนี้จะไหลออกในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปีคาดว่าจะอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม มองว่าหลังจากที่ตลาดรับรู้ข่าวร้ายไปแล้วเชื่อว่าดัชนียังสามารถไปต่อได้มองแนวรับที่ 1,640 จุดแนวต้านที่ 1,670 จุด
นอกจากนี้ในกลางเดือนม.ค.นี้ต้องติดตามการประกาศงบไตรมาส 4/64 ของบจ. นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นปันผลที่ outperform ชื่นชอบ TISCO ราคาเป้าหมาย105 บาท EPG ราคาเป้าหมาย 15 บาท SCC ราคาเป้าหมาย 520 บาท ขณะที่หุ้น Growth Stock น่าสนใจแนวโน้มกำไรเติบโต เช่น ASK ราคาเป้าหมาย 55 บาท และหุ้น OCEAN ราคาเป้าหมาย 2.89 บาท
ที่มา นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)
ภาพประกอบ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)