เงินบาทอ่อนเต็งหนึ่งภูมิภาค พิษโควิดฉุดดุลบริการขาดดุล

น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวสกุลเงินในภูมิภาคตั้งแต่ 1 ม.ค.-30 ธ.ค.64

 พบว่า  บาท-ไทยอ่อนค่าสุด10.29 % รองลงมาคือวอน-เกาหลีใต้ 8.26% เปโซ-ฟิลิปปินส์ 5.81%  ริงกิต-มาเลเซีย 3.61% รูปี-อินเดีย 2.24%ดอลลาร์-สิงคโปร์ 2.14% รูเปียห์-อินโดนีเซีย 1.42% ยกเว้นหยวน-จีน 2.46% ดอลลาร์-ไต้หวัน 2.37%   ดอง-เวียดนาม 1.11% 

สาเหตุในปี 64 เงินบาท อ่อนค่ามากกว่า 10% และเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่ามากที่สุดในกลุ่ม สะท้อนการพึ่งพาภาคท่องเที่ยวในระดับสูง เมื่อเกิดการแพร่ระบาดเป็นปีที่สอง รายได้เงินตราต่างประเทศจากนักท่องเที่ยวซบเซาอย่างรุนแรงและยาวนาน เกิดการขาดดุลบริการ รวมถึงแรงกดดันจากนโยบายการเงินของสหรัฐฯ โดยเฟดผ่อนคันเร่งการกระตุ้นศรษฐกิจ และส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ฟื้นตัวร้อนแรง

  

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ 1 ม.ค. - 29 ธ.ค.  นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิหุ้นไทย 5.2 หมื่นล้านบาท  แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 1.45 แสนล้านบาท โดยผู้ประกอบการควรป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

น.ส.รุ่ง กล่าวว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์หน้ากรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 33.30-33.70บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จับตารายงานประชุมเดือน ธ.ค. ของเฟด และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ธ.ค. ของสหรัฐฯ (คาด +4 แสนตำแหน่ง)

สำหรับปี 65  คาดเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50-34.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และสิ้นปีแตะที่ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างทางผันผวนสูง ตามการคาดการณ์นโยบาย

ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ขณะที่การท่องเที่ยวคาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง และไทยมีโอกาสพลิกกลับมาเกินดุลบัญชีเดินสะพัด อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามสถานการณ์ด้านสาธารณสุขของโลกเป็นสำคัญ

ที่มา : น.ส.รุ่ง สงวนเรือง  ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ภาพประกอบข่าว :พิกซาเบย์,ธนาคารกรุงศรีอยุธยา