TNN online เงินบาทเปิดตลาดแข็งค่า! จับตาโอมิครอนในประเทศพุ่ง

TNN ONLINE

Wealth

เงินบาทเปิดตลาดแข็งค่า! จับตาโอมิครอนในประเทศพุ่ง

เงินบาทเปิดตลาดแข็งค่า! จับตาโอมิครอนในประเทศพุ่ง

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.53 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จับตาแนวโน้มการระบาดของโอมิครอนในประเทศ หลังสาธารณสุขรายงานยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์แกว่งตัว sideways จากตลาดเปิดรับความเสี่ยง

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.53 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย  จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.57 บาทต่อดอลลาร์   ตลาดจะจับตาแนวโน้มการระบาดของโอมิครอนในประเทศ หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานยอดผู้ติดเชื้อโอมิครอนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเริ่มมีการประเมินว่าอาจเกิดการระบาดระลอกใหม่ 


ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเราที่ประเมินว่า การระบาดระลอกใหม่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความรุนแรงและผลกระทบต่อเศรษฐกิจอาจไม่มากนัก หากรัฐบาลสามารถเร่งแจกจ่ายวัคซีนกระตุ้น หรือ แจกจ่ายวัคซีนในกลุ่มเด็ก/เยาวชน 


อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดในอังกฤษระบุว่า กลุ่มเด็ก/เยาวชน มีอัตราการนอนโรงพยาบาลที่สูงขึ้นเทียบกับการระบาดในระลอกก่อนหน้า นอกจากนี้ ผู้ประกอบการควรระมัดระวังความผันผวนในตลาดช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี หากมีธุรกรรมขนาดใหญ่เข้ามาในตลาด ในช่วงที่ธุรกรรมในตลาดโดยรวมเบาบางลงกว่าช่วงปกติ


สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทมีความเสี่ยงที่จะผันผวน โดยเงินบาทอาจถูกกดดันให้อ่อนค่าลงได้บ้าง หากยอดผู้ติดเชื้อในประเทศยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าเงินบาทจะไม่อ่อนค่าไปมากและสุดท้ายเงินบาทจะกลับมาแกว่งตัว Sideways ในโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากภาพรวมตลาดการเงินเปิดรับความเสี่ยง กดดันให้เงินดอลลาร์แกว่งตัว Sideways หรือย่อตัวลงบ้าง 


ขณะเดียวกัน เงินบาทอาจได้แรงหนุนจากโฟลว์ขายทำกำไรทองคำบางส่วน หลังจากที่ราคาทองคำทรงตัวใกล้ระดับ 1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์มาสักระยะ (อนึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะขายทำกำไรทองคำมากขึ้น หากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,820-1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์ )


ทั้งนี้สัญญาณเชิงเทคนิคัลจาก RSI และ MACD ยังคงหนุนแนวโน้มเงินบาทแข็งค่าขึ้นหรือแกว่งตัว Sideways ในระยะสั้น โดยเงินบาทยังคงมีแนวต้านสำคัญใกล้ระดับ 33.70-33.80 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนที่ผู้ส่งออกต่างรอปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน 


ส่วนแนวรับเงินบาทยังคงอยู่ในโซน 33.40 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ ธุรกรรมในช่วงปลายปีอาจเริ่มเบาบางลง ทำให้ตลาดค่าเงินอาจมีความผันผวนสูงได้ หากมีโฟลว์ธุรกรรมขนาดใหญ่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นฝั่งซื้อหรือขายเงินดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.45-33.60 บาทต่อดอลลาร์

 

สำหรับตลาดการเงินโดยรวมเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง หลังผู้เล่นในตลาดการเงินคงมุมมองว่า การระบาดของโอมิครอนนั้นอาจมีความรุนแรงน้อยกว่าการระบาดในระลอกก่อนหน้า สอดคล้องกับผลวิจัยเบื้องต้นจากอังกฤษ เดนมาร์ก และแอฟริกาใต้ที่พบว่า ยอดผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กลับไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงการป่วยหนักหรือเสียชีวิตมากนัก 


อีกทั้งการระดมแจกจ่ายวัคซีนเข็มกระตุ้นยังสามารถลดความรุนแรงของการระบาดได้ ซึ่งภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดได้หนุนให้หุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มเทคฯ ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งและทำให้ ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น +1.38% ทำจุดสูงสุดใหม่ All time high ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดตลาด +1.39% ใกล้ทำจุดสูงสุดใหม่เช่นกัน 


ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX50 ของยุโรป เดินหน้าปรับตัวขึ้นราว +0.77% นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นกลุ่ม Cyclical/Reopening theme อาทิ Adyen +3.1%, Infineon Tech. +2.3%, Kering +1.8%, ASML +1.5% สะท้อนว่าผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายกังวลปัญหาการระบาดของโอมิครอนและต่างคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่องหลังการระบาดสงบลง โดยภาพการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นยุโรปก็สอดคล้องกับเทรนด์ของดัชนี Citi Economic Surprise ของยุโรปที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนว่าข้อมูลเศรษฐกิจในฝั่งยุโรปก็เริ่มออกมาดีกว่าคาด


ส่วนทางด้านฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่า ภาพรวมตลาดการเงินจะเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องและทำให้ในระหว่างวัน บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1.49% ทว่า ผู้เล่นบางส่วนก็เข้ามาเพิ่มสถานะถือครองบอนด์ เพื่อคงสมดุลระหว่างสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและบอนด์ (Rebalance Portfolio) หลังจากที่หุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปิดตลาดย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 1.47% 


ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์โดยรวมทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) แกว่งตัว sideways ใกล้ระดับ 96.09 จุด ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเงินดอลลาร์ไม่สามารถแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ชัดเจน หลังจากที่ตลาดกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง 



ซึ่งเราคาดว่า เงินดอลลาร์จะยังแกว่งตัว sideways ไปก่อน จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาปรับแนวโน้มการเคลื่อนไหว อาทิ หากสถานการณ์การระบาดของโอมิครอนไม่น่ากังวล เงินดอลลาร์ก็อาจอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักได้ แต่เงินดอลลาร์จะไม่อ่อนค่าไปมาก เพราะยังได้แรงหนุนจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของเฟดช่วยพยุงไว้อยู่ 


นอกจากนี้ทิศทางเงินดอลลาร์ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก ส่วนบอนด์ยีลด์ 10 ปี ก็ย่อตัวลงเล็กน้อย ได้ช่วยพยุงให้ ราคาทองคำ ทรงตัวใกล้ระดับ 1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าจะถูกกดดันจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดก็ตาม 


อย่างไรก็ดี แนวโน้มนโยบายการเงินที่เข้มงวดของเฟด รวมถึง ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดจะกดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อแรงได้ยาก และ Upsides ของราคาทองคำเริ่มจำกัด ซึ่งมีโอกาสที่จะเห็นโฟลว์ขายทำกำไรราคาทองคำมากขึ้น หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้านสำคัญแถว 1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 


เงินบาทเปิดตลาดแข็งค่า! จับตาโอมิครอนในประเทศพุ่ง



ที่มา : ธนาคารกรุงไทย


ภาพประกอบข่าว :  ธนาคารกรุงไทย,พิกซาเบย์

ข่าวแนะนำ