ย้อนรอย10ปีเหตุการณ์ 'วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย' ชวดไปโอลิมปิก2012แบบช็อกโลก

เชื่อว่าแฟนๆวอลเลย์บอลหญิงไทยทุกคน คงไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่เราเกือบจะได้ไปโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มันเกือบจะเป็นการเขียนหน้าประวัติศาสตร์ให้วงการลูกยางของไทยเรา ที่ ณ ขณะนั้น ถือว่าเป็นช่วงที่พีคสุดและบูมสุดตลอดกาลเลยก็ว่าได้ 

10 ปีผ่านไปกับเหตุการณ์ฝันค้างของสาวกลูกยางไทย มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง วันนี้ทีมข่าว TNNSPORTS จะมาไล่เรียงให้แฟนๆได้ติดตามและรำลึกอดีตกันอีกครั้ง ไม่ได้เพื่อเป็นการตอกย้ำหรือซ้ำเติม แต่เพื่อเป็นการสร้างแรงผลักดันให้กับสาวไทยเจนใหม่สานงานของรุ่นพี่ 7 เซียน กับภารกิจที่เราต้องช่วยกันทุกภาคส่วนเพื่อนำสาวไทยไป โอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ให้จงได้ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปประมวลเหตุการณ์คัดโอลิมปิก ของกีฬาวอลเลย์บอลหญิง เมื่อปี 2012 กันอีกรอบ ณ บัดนี้

ไล่เรียงกันที่ โอลิมปิก 2012 จะคัดเอา 12 ประเทศที่ดีที่สุดเท่านั้นเพื่อไปแข่งวอลเลย์บอลหญิง ซึ่งมันเป็นไปได้ยากมากหากไทยจะได้ไป เนื่องด้วยเป็นการนำเอาแค่ 12 จากหลายร้อยประเทศทั่วโลก นอกจากนี้เจ้าภาพในเวลานั้น สหราชอาณาจักร ก็คว้าโควต้าไปก่อนแล้ว ทำให้เหลืออีกเพียง 11 ที่เท่านั้น ต่อมามีการให้สิทธิ์ทีมแชมป์จากรายการต่างๆและทวีปต่างๆได้เข้าแข่งขันอัติโนมัติ ประกอบไปด้วย 2.อิตาลี (แชมป์เวิลด์คัพ) , สหรัฐอเมริกา (อันดับสองเวิลด์คัพ) , จีน (อันดับสามเวิลด์คัพ) , แอลจีเรีย (โควต้าแอฟริกา) , โดมินิกัน (โควต้าอเมริกาเหนือ) , ตุรกี (โควต้ายุโรป) , บราซิล (โควต้าอเมริกาใต้) นั่นหมายความว่าได้ไปแล้วทั้งหมด 8 ชาติ จะเหลืออีกแค่เพียง 4 ชาติสุดท้ายเท่านั้นที่จะได้เข้าร่วมการแข่งขัน

4 ที่นั่งสุดท้าย ในวอลเลย์บอลหญิงโอลิมปิก 2012 จะคัดเลือกจาก 8 ชาติ โดยผ่านระบบของ FIVB สหพันธ์วอลเลย์บอลระหว่างประเทศ ที่มีญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพ ประกอบไปด้วย เกาหลีใต้ , ไทย , ไชนีสไทเป , เซอร์เบีย , รัสเซีย , คิวบา และเปรู โดยทั้ง 8 ทีมจะแข่งแบบพบกันหมด อันดับดีที่สุด 1 2 3 จะได้สิทธิ์ไปเล่นโอลิมปิกรอบสุดท้ายทันที ส่วนสล็อตสุดท้าย จะเป็นโควต้าของทีมจากเอเชีย กล่าวคือทีมจากเอเชียที่คะแนนดีที่สุด แต่ไม่ติด 1-3 จะได้ไปเล่นรอบสุดท้ายด้วย

ถ้ามองว่าไต้หวันเป็นทีมอ่อนที่สุดใน 4 ชาติเอเชียและตัดทิ้งไปเลย แปลว่าหน้าที่ของเราคือเชียร์ให้เกาหลีใต้และญี่ปุ่น จบท็อปทรีไปเลย ซึ่งถ้าจบแบบนี้ไทยได้ไปโอลิมปิกอัตโนมัติ ซึ่งก่อนการแข่งขันเริ่มว่ากันแฟร์ๆ ไทยก็คือม้านอกสายตา เพราะคนส่วนใหญ่เชื่อว่า พวกเซอร์เบีย, รัสเซีย หรือญี่ปุ่น น่าจะมีโอกาสมากสุดในการเข้ารอบ และไทยน่าจะต้องมาตัดกับเกาหลีใต้เพื่อหาทีมที่ดีที่สุดของเอเชียที่ไม่ติดท็อปทรีกันต่อไป

 เกมที่ 1 ไทยเจอรัสเซีย แพ้ขาดลอย 0-3 เซต 

เกมที่ 2 ไทยเจอเซอร์เบียที่เป็นต่อเราอย่างมาก แต่ไทยพลิกล็อกเอาชนะเซอร์เบียด้วยเวลา 72 นาที ชนะขาดลอย 3-0 เซต 25-19, 25-17 และ 25-20 เป็นอีกหนึ่งเกมช็อกชาวเซิร์บ ซึ่ง อรอุมา สิทธิรักษ์ ทำไปถึง 33 คะแนน

ทำให้เมื่อผ่านไป 2 เกม ทีมชาติไทยกลับมามีลุ้นอีกครั้ง แต่อีกสองวันต่อมา เกมที่ 3 ไทยกลับมาพบความพ่ายแพ้อีกครั้ง แพ้ญี่ปุ่น 0-3 เซต

เกมที่ 4 ไทยเจอกับทีมที่แพ้มารวดทุกเกม ไชนีสไทเป ก่อนที่สาวไทยจะเอาชนะ 3-0 เซต

เกมที่ 5 ไทยเจอ เปรู รองบ๊วยที่ก็แพ้มาเกือบทุกเกม (ชนะไชนีสไทเปทีมเดียว) ซึ่งไม่มีปัญหา ไทยเอาชนะไปได้อีก 3-0 เซต

เกมที่ 6 ไทยเจอเกาหลีใต้ ดันเล่นหลุดฟอร์ม แพ้ไป 0-3 เซต

ผ่านไป 6 เกม ไทยมีผลงานชนะ 3 แพ้ 3 มาถึงเกมที่จะชี้เป็นชี้ตายที่สุด นั่นคือนัดสุดท้ายที่เจอคิวบา ในเกมที่ 7 ถ้าไทยชนะมีโอกาสเข้ารอบสูง แต่ถ้าแพ้ตกรอบไปเลยทันที

  

โค้ชอ๊อต เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอนในครานั้น เล่าว่า "วันนั้นคิวบาหมดลุ้นไปแล้ว ต่อให้ชนะเราเขาก็ไม่เข้า แต่นี่คือคิวบาทีมระดับท็อปเท็นของโลก แล้วเรายังไม่เคยชนะคิวบาได้มาก่อนตั้งแต่มีสมาคมวอลเลย์บอลเป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม วันนั้นเราพร้อมเต็มที่แล้ว ผู้เล่นทุกคนมีความมั่นใจถึงขีดสุด เราย้ำกันเองตลอดว่าเราทำได้ เราทำได้"

 

ขณะที่กิฟท์ วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ กัปตันทีมชาติไทย เล่าว่า "เราเล่นมา 6 เกม ร่างกายพวกเราสะบักสะบอมมาก แต่พอเกมเริ่มกับคิวบา เราก็อดทน โค้ชอ๊อตบอกให้สู้เราก็สู้  แล้วยิ่งพอตอนแข่ง เพื่อนๆก็ให้กำลังใจกันเอง ทุกคนกัดฟันและเราไม่ยอมแพ้คิวบา"

 

เกมนั้นโลกต้องตกตะลึง เมื่อสาวไทยสร้างประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ เพราะโค่นคิวบาได้ครั้งแรก โดยเอาชนะไปแบบสุดมันส์ 3-1 เซ็ต ซึ่งแมตช์นี้ กิฟท์-วิลาวัณย์ ขุดแล้วขุดอีก ขุดไป 8 หน เยอะที่สุดในสนาม ขณะที่นุสรา ก็ท็อปฟอร์มเหลือเกิน เซ็ตเข้าเป้าไป 85 ครั้ง เท่ากับทั้งทีมคิวบารวมกัน หลังจากคว้าชัยชนะทุกคนดีใจอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่โค้ชอ๊อตเองก็สะใจเก็บอารมณ์ไม่อยู่ เขากล่าวว่า "ความฝันของผมตั้งแต่เป็นนักกีฬาแล้ว คืออยากไปโอลิมปิกให้ได้ แต่พอเราเล่นแล้วฝีมือไม่พอจะไปไม่ถึงจุดนั้น เราก็หวังว่าจะพาเด็กๆ ไปโอลิมปิกก็ยังดี สำหรับผมแล้ว ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการพาทีมชาติไปโอลิมปิกแล้ว มันสำคัญที่สุด ไทยแข่งคู่แรกตอน 11 โมงเช้า พอชนะเราก็ดีใจกันแล้ว ผมให้เงินน้องๆไปซื้อของกินมาเลย เราทุกคนจะมารอดูเกมนัดสุดท้ายเวลา 1 ทุ่ม ที่ญี่ปุ่นจะเจอกับเซอร์เบีย ด้วยความสัตย์จริง ผมว่าไทยเข้ารอบแน่ ในใจคิดไปไกลข้ามช็อตแล้ว ไม่ได้เผื่อใจกับความผิดหวังเลย"

จากผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นทั้งหมด สถานการณ์ตอนนี้ พลิกกลับตาลปัตร เมื่อไทยมี 12 แต้ม ขึ้นแท่นอยู่อันดับ 3 ของตาราง กุมความได้เปรียบมหาศาล รัสเซียกับเกาหลีใต้สามารถไปต่อได้แล้วอย่างเป็นทางการ เหลือโควต้าอีก 2 ทีม ซึ่งไทยพอชนะคิวบาได้ ก็มีโอกาสดีมากจริงๆ เราเหลือรอผลคู่สุดท้าย ระหว่างเจ้าภาพญี่ปุ่น กับ เซอร์เบียเท่านั้น 

ในเกมนัดนั้น มีความเป็นไปได้ทั้งหมด 6 อย่าง ซึ่งถ้าผลลัพธ์ออกมา 5 จาก 6 ข้อนี้ ไทยจะเข้าไปเล่นโอลิมปิก

ญี่ปุ่น ชนะ เซอร์เบีย 3-0 เซ็ต (ไทยเข้าโอลิมปิก)

ญี่ปุ่น ชนะ เซอร์เบีย 3-1 เซ็ต (ไทยเข้าโอลิมปิก)

ญี่ปุ่น ชนะ เซอร์เบีย 3-2 เซ็ต (ไทยเข้าโอลิมปิก)

เซอร์เบีย ชนะ ญี่ปุ่น 3-0 เซ็ต (ไทยเข้าโอลิมปิก)

เซอร์เบีย ชนะ ญี่ปุ่น 3-1 เซ็ต (ไทยเข้าโอลิมปิก)

เซอร์เบีย ชนะ ญี่ปุ่น 3-2 เซ็ต (ไทยตกรอบ)

หาก คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว คือ 83.4% (ได้ไป) กับ 16.6% (ไม่ได้ไป) 

โอกาส 1 ใน 6 ลองคิดดูว่าในการโยนลูกเต๋า ให้ออกหน้าแบบที่เราต้องการเป๊ะ มันยากขนาดไหน โดยโค้ชอ๊อตบอกว่า "สำหรับผมโอกาสของเรา เข้าโอลิมปิก 99.99% มันมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสกอร์ 3-2 แต่ว่าเอาจริงๆ มันคงไม่แจ๊กพอตแตกขนาดนั้น" 

โค้ชอ๊อตบอกว่านาทีนั้นญี่ปุ่นคืออันดับ 3 ของโลกแถมเล่นในบ้านอีก โอกาสที่จะเอาชนะเซอร์เบียไม่ใช่เรื่องยากเกินไปเลย และคือเงื่อนไขชนะกี่เซ็ตก็ได้ ดังนั้น เขามั่นใจจริงๆ ว่าญี่ปุ่นจะทำได้ 

ในคืนนั้นนักกีฬาไทย รวมตัวกันในห้องที่โรงแรม เพื่อดูเกมญี่ปุ่นกับเซอร์เบีย ทุกคนเตรียมฉลองชัยพร้อมกันแล้ว 

แต่ก่อนเกมจะเริ่ม คิม ยอน-คยอง คู่แข่งจากเกาหลีใต้ที่เข้ารอบไปแล้ว เดินมาหาที่ห้องพักนักกีฬาไทย แล้วคุยกับนุสรา และพูดบางอย่างแปลกว่าๆ ให้เผื่อใจไว้บ้าง ส่วน นุศรา ต้อมคำ มือเซต เล่าว่า "เพื่อนเกาหลีเขามาพูดทำนองว่า ถึงไทยชนะคิวบาได้ แต่ก็อาจไม่ได้ไปโอลิมปิกนะ ซึ่งเราก็เริ่มเอะใจ แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร"

เกมการแข่งเริ่ม นี่เป็นเกมที่ทุกคนจับตาทั่วโลก เพราะเดิมพันถึงการได้ไปโอลิมปิก ของ 3 ประเทศ เซตแรก ญี่ปุ่นชนะ 25-18 ไม่มีอะไรยาก แต่มาเซตสองญี่ปุ่นเริ่มหลุด แพ้ไป 21-25 เข้าสู่เซตสาม ญี่ปุ่นคัมแบ็กได้และเอาชนะไปอีก 25-19

ญี่ปุ่นได้แล้วสองเซ็ต แปลว่าพวกเขาการันตีเข้าโอลิมปิก 100% โดยไม่ต้องสนใจอีกสองเซ็ตที่เหลือ แต่ถ้าพวกเขาแพ้รวดอีกสองเซตที่เหลือ แปลว่าไทยจะตกรอบ 

โดยในเซตสาม ญี่ปุ่นนำเซอร์เบียมาแบบสบายๆ 15-12 ตามด้วย 19-16 คือโอกาสเข้าป้ายสูงมาก แต่จากนั้นอยู่ๆ สาวนิปปอนก็ช็อตไปเลย ปล่อยเซอร์เบียทำแต้มรัวๆ เอาชนะไปในเซตสี่ ด้วยคะแนน 25-21 จากที่ฟอร์มดีๆ เสีย 7 แต้มรวด ไม่มีการขอเวลานอก ไม่มีการเปลี่ยนตัว ทำให้แฟนกีฬาไทยและนักวอลเลย์บอลสาวไทยเริ่มมีอาการตกตะลึงและกังวลบ้างแล้ว

ในเซตสุดท้าย ซึ่งจะเป็นเซ็ตตัดสิน ถ้าญี่ปุ่นเล่นเต็มที่ เอาชนะเซอร์เบียได้ ไทยจะจับมือควงญี่ปุ่นเข้าโอลิมปิกแล้วเขี่ยเซอร์เบียตกรอบ แต่ญี่ปุ่นยังเล่นผิดพลาดมากมาย ออกลูกเสียเองหลายครั้ง มีการเสิร์ฟเสียแต้ม และสุดท้ายญี่ปุ่นแพ้ไปอย่างรวดเร็ว ด้วยสกอร์ 9-15 ในเวลาแค่ 12 นาทีเท่านั้น และมันแปลว่าโอกาสแค่ 16.6% ที่ไทยจะตกรอบ กลับเกิดกับเราจริงๆแบบชนิดที่เรียกว่าช็อกกันทั้งประเทศไทยและทั้งโลก

บรรยากาศในห้องพักที่โรงแรม เต็มไปด้วยน้ำตา นักกีฬาร้องไห้ทุกคนด้วยความเสียใจ มันไม่ทันตั้งตัวและไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร 

โค้ชอ๊อตเล่าว่า "เราไม่คิดเลยจริงๆ ผมพูดอะไรไม่ออก ผมอาจเป็นคนเดียวในวันนั้นที่ไม่ร้องไห้ คือน้ำตามันไม่ไหล มันเสียใจในอก เสียใจที่เราทำดีที่สุดแล้ว ไม่รู้จะทำดีกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ไปโอลิมปิก" 

"เราไม่มีคำไหนๆจะปลอบใจน้องๆได้ ผมก็ทำได้แค่ ยื่นเงินให้น้องๆ แล้วบอกว่าเอาไปซื้ออะไรกินกันนะคืนนี้ ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันจะผ่านไป"

วรรณา บัวแก้ว ลิเบโร่ของไทย กล่าวว่า "คนที่โดนลูกตบอัดหน้าเต็มๆ ตอนซ้อมยังไม่ร้อง แต่คราวนี้เธอร้องไห้อย่างหนักแบบไม่อายใคร ทั้งกอดเพื่อนและกอดนักข่าวที่ไปทำข่าวในวันนั้น ไม่ใช่แค่วรรณา แต่วันนั้นน้ำตาหลั่งไหลเป็นสายเลือด ทุกคนร้องไห้กันระงม และตั้งคำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับญี่ปุ่นกันแน่" 

กิฟท์ วิลาวัณย์ กล่าวว่า "ตอนแมตช์ไทยเจอญี่ปุ่น ขนาดลูกที่เราคิดว่าตีดีที่สุดเขายังรับได้ ทั้งหยอดทั้งตบ ญี่ปุ่นเก็บรายละเอียดแทบไม่มีที่ติเลย แต่พอมาเจอเซอร์เบีย ญี่ปุ่นเหมือนเล่นปล่อยบอลไปเฉยเลย" 

ส่วน หน่อง ปลื้มจิตร์ ถินขาวเปิดใจว่า "ตอนเริ่มวอลเลย์บอลใหม่ๆ หน่องยึดญี่ปุ่นเป็นไอดอล ทั้งวินัยและระเบียบการเล่น คือเป็นต้นแบบของตัวเองเลย แต่พอมาแมตช์นี้ คือหน่องรู้สึกเจ็บใจ เพราะไม่คิดว่าทีมไอดอลของตัวเองจะทำแบบนี้ ปกติตอนแข่งเสร็จวันรุ่งขึ้น เจอกันที่ห้องอาหาร ก็ต้องทักทายกันแต่นักกีฬาญี่ปุ่นเอง พอแพ้เซอร์เบียก็ก้มหน้าก้มตาไม่ทักทายเราเหมือนทุกที"

นักกีฬาทีมอื่นๆ เดินมาหาผู้เล่นไทยที่ห้องพัก และเข้ามาปลอบประโลมที่พลาดการไปโอลิมปิก ไม่มีคำพูดใดๆทำให้พวกเธอรู้สึกดีขึ้นได้ ขณะที่แฟนกีฬาชาวไทย ก็เปิดหน้าด่าญี่ปุ่นเต็มที่ว่าไร้สปิริต ไร้มนุษยธรรม แฟนวอลเลย์ไทยไม่โกรธที่แพ้เซอร์เบีย แต่โกรธที่ไม่รักษามาตรฐานความเป็นมืออาชีพ และพอเข้ารอบไปแล้วก็เหมือนจะปล่อยเกมให้เซอร์เบียปิดบัญชีไปเลย 

แต่ในเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับไทย ตัวอย่างเช่น มานาเบะ มาซาโยชิ ก็บอกว่าเรื่องสปิริตเป็นสิ่งที่คนคิดกันไปเอง ญี่ปุ่นมีอาการอ่อนล้าจากการแข่งมาหลายเกมติดกัน และไม่แปลกที่จะมาแผ่วในช่วงท้ายของนัดนั้น โดยคำพูดบอกว่าญี่ปุ่น รู้กันกับเซอร์เบีย จึงไม่มีหลักฐานอะไรทั้งสิ้น และเรื่องก็ค่อยๆหายไปหลังจากนั้น เช่นเดียวกับแฟนวอลเลย์บอลในเว็บบอร์ดต่างประเทศ ก็บอกว่า เซอร์เบียชนะญี่ปุ่นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก และชี้ว่าทีมไทยน่าจะเลิกตีโพยตีพายแล้วโทษตัวเองดีกว่า ที่อีกแค่แต้มเดียวก็ทำไม่ได้ 

หลังทัวร์นาเมนต์ มีการตรวจสอบการล็อกผลการแข่งขัน แต่สุดท้ายก็ไม่เจอหลักฐานว่าญี่ปุ่น หรือ เซอร์เบีย ฮั้วกันแต่อย่างใด เรื่องนี้จึงค่อยๆ จบไปในที่สุด แต่มันก็เป็นการสร้างความเจ็บแค้นให้กับแฟนวอลเลย์บอลไทยที่มีต่อญี่ปุ่น ยาวนานหลายปีเลยทีเดียว ขณะที่ตัวโค้ชอ๊อตได้บทเรียนแห่งชีวิต ว่า "เราต้องพัฒนาตัวเอง ไม่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ" เป็นการบอกตัวเองว่า ในอนาคตถ้าอยากจะเข้าโอลิมปิก เราต้องทำผลงานให้ดีด้วยตัวเอง ไม่ไปหวังผลการแข่งจากใคร เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

สุดท้ายแล้วหลังจากนั้น ทีมสาวไทยก็ยังไม่สามารถเข้าแข่งขันโอลิมปิกรอบสุดท้ายได้ โดยใน 2016 เราแพ้ญี่ปุ่น ในเกมน่ากังขาอีกครั้ง สุดท้านมีคะแนนน้อยกว่าเกาหลีใต้ ทีมสุดท้ายที่ได้ไปโอลิมปิกแค่แต้มเดียว เช่นเดียวกับ 2020 เราหลุดมาคัดรอบทวีป ที่ จ.นครราชสีมา วัดกับเกาหลีใต้ แบบตรงๆตัวต่อตัว ใครชนะได้ไปทันที แต่วันนั้นเราทานความแข็งแกร่งเขาไม่อยู่ พ่ายไป 0-3 เซต

ขอบคุณข้อมูลจาก : วิเคราะห์บอลจริงจัง

เรียบเรียงโดย : นิก ธีร์ธวัช