สหรัฐฯ จ่อเลิกคว่ำบาตรเวเนซุเอลา เพิ่มทางเลือกแหล่งน้ำมัน หลังแบนรัสเซีย
สหรัฐฯ ส่งสัญญาณแล้วว่า อาจคลายมาตรการคว่ำบาตรบางส่วนต่อเวเนซุเอลา เพื่อเพิ่มทางเลือกแหล่งน้ำมัน หลังจากคว่ำบาตรมาเป็นเวลาหลายปี
สำนักข่าว AP รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน กำลังเล็งคลายมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจบางส่วนต่อเวเนซุเอลา โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้รัฐบาลของนาย ‘นิโคลาส มาดูโร’ กลับสู่โต๊ะเจรจาร่วมกับบรรดาผู้นำพรรคฝ่ายค้านที่สหรัฐให้การหนุนหลัง
---ถ้าคลายคว่ำบาตรแล้วจะส่งผลอย่างไร---
หากคลายคว่ำบาตรจริง จะส่งผลให้บริษัท ‘เชฟรอน คอร์ป’ ของสหรัฐฯ กลับมามีอำนาจการเจรจาโดยตรงกับบริษัท ‘เปโตรลีออส เดอ เวเนซุเอลา’ (PDVSA) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลา แต่ยังไม่ได้อนุญาตให้ขุดเจาะหรือส่งออกน้ำมันที่มีต้นกำเนิดจากเวเนซุเอลา ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ ยังไม่มีข้อมูลออกมาอย่างเป็นทางการ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยกับสำนักข่าว AP โดยไม่เปิดเผยตัวตน
สัญญาณดีนี้มีขึ้นหลังจากที่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คณะผู้แทนสหรัฐฯ ได้หารือที่ทำเนียบ ‘มิราฟลอเรส’ กับประธานาธิบดี ‘นิโคลัส มาดูโร’ โดยสหรัฐฯ ต้องการได้แหล่งน้ำมันทางเลือกเพื่อเติมเต็มช่องว่าง หากสหรัฐฯ พยายามคว่ำบาตรอุตสาหกรรมพลังงานของรัสเซีย เวเนซุเอลาจึงสามารถเพิ่มการส่งออกน้ำมันดิบได้หากสหรัฐฯ ผ่อนปรนการคว่ำบาตร
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังนำชื่อของ ‘คาร์ลอส อีริก มัลปิกา ฟลอเรส’ ผู้บริหารระดับสูงของ PDVSA และหลานชายของสตรีหมายเลข 1 ของเวเนซุเอลา ออกจากบัญชีดำที่ถูกคว่ำบาตรด้วย
---เวเนซุเอลาถูกคว่ำบาตรเรื่องอะไร---
ประธานาธิบดี ‘นิโคลาส มาดูโร’ ยังอยู่ในระหว่างการฟ้องร้องของสหรัฐฯ ในข้อหา ‘ลักลอบขนโคเคนเข้าสหรัฐฯ และใช้ยาเหล่านี้เป็นอาวุธเพื่อทำลายสหรัฐฯ’ ซึ่งยังมีผู้ถูกคว่ำบาตรร่วมกันอีก 3 คน คือ นาย ‘เปโดร ลูอีช มาร์ติน โอลิวาเรส’ ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองของเวเนซุเอลา
‘สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติของสหรัฐ’ (OFC) ระบุว่า ‘มาร์ติน’ ให้ความช่วยเหลือในการขนย้ายโคเคนหลายสิบตัน และทำการฟอกเงินอีกจำนวนมหาศาล รวมถึงขนย้ายเงินดอลลาร์สหรัฐผ่านทางเครื่องบินและไปรษณีย์อีกจำนวนมาก
ส่วนอีกสองคนที่ถูกคว่ำบาตรในครั้งนี้คือ ‘วอลเตอร์ อเล็กซานเดอร์ เดล โนกอล มาร์เกซ’ และ ‘มาริโอ อันโตนิโอ โรดรีเกซ เอสปิโนซา’ ซึ่งถูกขึ้นบัญชีดำในข้อหาให้ความช่วยเหลือด้านวัสดุ หรือให้ความช่วยเหลือทางการเงินหรือเทคโนโลยี หรือจัดหาสิ่งของและบริการ เพื่อช่วยเหลือนายมาร์ตินในลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติ
นอกจากนี้ ในปี 2018 หลายประเทศก็เคยคว่ำบาตรผู้นำเวเนเซุเอลา หลังจัดการเลือกตั้งให้ตนเองมีอำนาจต่อเป็นสมัยที่ 2 ซึ่งจะดำรงตำแหน่งไปจนถึงปี 2025
---ใครบ้างที่ยังถูกคว่ำบาตรอยู่---
องค์กรและบุคลากรของเวเนซุเอลาที่ถูกคว่ำบาตรก่อนหน้านี้กว่า 140 หน่วยงาน ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางของเวเนซุเอลา ก็ยังจะถูกคว่ำบาตรต่อไป และกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ก็ยังคงห้ามรัฐบาลเวเนซุเอลาและบริษัทน้ำมัน PDVSA ของเวเนซุเอลา ทำธุรกรรมในตลาดทางการเงินของสหรัฐฯ ต่อไปเช่นกัน
---สหรัฐฯ จะแบ่งน้ำมันให้ชาติอื่นหรือไม่---
ยังไม่มีรายงานว่า หากสหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันจากเวเนซุเอลา จะแบ่งน้ำมันบางส่วนให้ประเทศที่ร่วมแบนน้ำมันจากรัสเซียหรือไม่ แต่ทางด้านเวเนซุเอลา ระบุว่า จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันขึ้นเป็นวันละ 400,000 บาร์เรลต่อวัน โดยเวเนซุเอลามีระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มระดับการผลิตน้ำมัน จากปัจจุบันวันละ 800,000 บาร์เรล ขึ้นไปสู่ระดับ 1 ล้าน 2 แสนบาร์เรล เพื่อให้สามารถจัดส่งน้ำมันบางส่วนไปยังตลาดของอเมริกาเหนือได้
ส่วนบริษัท ‘เชฟรอน คอร์ป’ ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ เป็นบริษัทใหญ่บริษัทสุดท้ายที่สามารถทำธุรกิจร่วมกับเวเนซุเอลาได้ โดยมีข้อตกลงร่วมกับทาง PDVSA ของเวเนซุเอลา ว่า ให้ผลิตน้ำมันได้วันละ 200,000 บาร์เรลในปี 2019 แต่ต่อมาในปี 2020 สหรัฐฯ ก็สั่งให้หยุดการผลิตน้ำมัน เหลือเพียงแค่การขนส่งน้ำมันที่จำเป็น ที่จะทำให้เวเนซุเอลาเกิดการจ้างงานต่อไปเท่านั้น
—————
แปล-เรียบเรียง: พิชญาภา สูตะบุตร
ภาพ: Reuters