TNN ‘ระเบิดนิวเคลียร์ทางการเงิน’ ปัจจัยช่วยจีนรอดการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก

TNN

วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน

‘ระเบิดนิวเคลียร์ทางการเงิน’ ปัจจัยช่วยจีนรอดการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก

‘ระเบิดนิวเคลียร์ทางการเงิน’ ปัจจัยช่วยจีนรอดการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก

‘ระเบิดนิวเคลียร์ทางการเงิน’ ปัจจัยช่วยจีนรอดจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก

สำนักข่าว SCMP รายงานเกี่ยวกับวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน หลังจีนแสดงตัวเป็นกลาง แต่กลับมีแนวโน้มถูกคว่ำบาตร หากช่วยเหลือรัสเซีย 


---มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย---


การลงโทษประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ด้วยการคว่ำบาตรทางการเงินและเศรษฐกิจ อาทิ การขับไล่จีนออกจาก Swift ระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ และระงับทุนสำรองเงินตราต่างประเทศนั้น ไม่เคยได้รับการเปิดเผยว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกลงโทษของสหรัฐฯ 


แต่เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย หลังเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน


ปัจจุบัน มาตรการคว่ำบาตรอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ทำให้จีนมองเห็นสิ่งที่อาจต้องเผชิญ หากยังให้การสนับสนุนรัสเซีย หรือพยายามที่จะบังคับให้ไต้หวันรวมเข้ากับจีนแผ่นดินใหญ่


อย่างไรก็ตาม รัสเซียไม่ใช่จีน เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่ารัสเซียประมาณ 10 เท่า และมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับประเทศอื่น  ทั่วโลก


---จีนแตกต่างจากรัสเซีย---


จีนพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศ และมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่า 3.25 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนใหญ่เก็บไว้ในสหรัฐฯ และยุโรป 


การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างต่อรัสเซีย จากบรรดาชาติตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ ถือเป็นหนังสือเตือนสำหรับจีน ว่าการคว่ำบาตรจะลุกลามได้แค่ไหน” เหอ เหว่ยเหวิน อดีตที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการค้าของสถานกงสุลจีน ในนครนิวยอร์กและซานฟรานซิสโกกล่าว


หากถูกคว่ำบาตร จีนอาจเสียหายมากกว่ารัสเซีย” นักการทูตชาวยุโรปประจำกรุงปักกิ่งรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์ออกนามกล่าว “จีนเป็นกังวล และยังไม่มีเครื่องมือมากนักที่จะต่อกรกับผลกระทบจากการถูกคว่ำบาตร


ในทางกลับกัน จีนได้สร้างความแข็งแกร่งในห่วงโซ่มูลค่าโลก ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่า เป็นเรื่องยากมาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ที่กว่า 120 ประเทศและภูมิภาค รวมถึงสหรัฐฯ จะตัดสัมพันธ์กับคู่ค้าชั้นนำอย่างจีนโดยสิ้นเชิง


นักวิชาการอาวุโสจากศูนย์คลังสมองจีนและโลกาภิวัตน์ หรือ CCG กล่าวว่า “จีนและสหรัฐฯ มีส่วนได้ส่วนเสียต่อกันและกัน ดังนั้น สำหรับสหรัฐฯ จีนจึงแตกต่างจากรัสเซีย การคาดการณ์ทางการเมือง จึงถูกจำกัดด้วยภาวะเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


---ความเป็นกลางในวิกฤตยูเครน---


วิกฤตรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อก้าวเข้าสู่เดือนที่สอง สำหรับจีนแล้ว มันกลายเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อย  ที่จะแยกตัวออกจากความตึงเครียด ขณะที่นักการทูตจีนเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ แต่การยืนกรานของจีนในการเป็นกลาง กลับถูกโจมตีจากสหรัฐฯ และพันธมิตร


เพื่อกระตุ้นให้มีการลงโทษจีน ขีดจำกัดโดยทั่วไป คือ การจัดหาอาวุธ แต่สหรัฐฯ จะมีความคลุมเครือเรื่องการคว่ำบาตรจีน โดยกล่าวว่า จะมี “ผลตามมา” หากจีนให้ “การสนับสนุนด้านอาวุธต่อปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย


สหรัฐฯ กำลังเล่นกับความคลุมเครือ” นักการทูตต่างชาติอีกคนหนึ่งในกรุงปักกิ่งกล่าว “จีนอยากทราบอย่างชัดเจนว่า ภายใต้สถานการณ์เฉพาะเจาะจงใด  ที่จีนจะถูกคว่ำบาตร


ทั้งนี้ หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ยังไม่พบหลักฐานว่าจีนขายอาวุธให้กับรัสเซีย ตามที่เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว


---ไต้หวันและความคลุมเครือ---


หวัง หุยเหยา ผู้ก่อตั้ง CCG Think Tank และที่ปรึกษาของสภาแห่งรัฐ ระบุว่า ตราบใดที่จีนไม่ได้จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ให้รัสเซีย มาตรการคว่ำบาตรจีนก็ยังเป็นปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง


จีนกำลังดำเนินการค้าขายตามปกติกับรัสเซีย เช่นเดียวกับสหภาพยุโรป” หวัง กล่าว “ประเด็นสำคัญ คือ สหรัฐฯ ไม่มีเหตุผลที่จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อจีน เนื่องจากสงคราม


ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการต่อต้านรัสเซีย เพื่อเตือนจีนมากขึ้นเรื่อย  ว่าการคว่ำบาตรอาจเกิดขึ้น หากจีนพยายามใช้กำลังยึดครองไต้หวันในวันใดวันหนึ่ง


อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษารัฐบาลจีนบางคนระบุว่า จีนอาจไม่รีบเร่งยึดไต้หวัน ด้วยการใช้กำลัง


แม้จะมีความตึงเครียดในประเด็นไต้หวันอยู่บ่อยครั้ง แต่กรอบการทำงานพื้นฐานค่อนข้างมีเสถียรภาพ” ฉือ หยิ่นหง ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยเหรินหมิน กล่าว 


และว่า “ภายใต้สถานการณ์ที่เราคาดการณ์ได้ จะไม่มีความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อย่างเป็นรูปธรรมในประเด็นไต้หวัน


---“ระเบิดนิวเคลียร์ทางการเงิน”---


ขณะเดียวกัน จีนไม่ได้มองข้ามการดำเนินการที่แข็งแกร่งขึ้นของสหรัฐฯ และพันธมิตร ซึ่งได้แช่แข็งสินทรัพย์ของธนาคารกลางรัสเซียในต่างประเทศ เนื่องจากจีนมีสินทรัพย์สำรองในรูปเงินตราต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ


มูลค่ารวมทั้งหมดยังคงอยู่ที่ประมาณ 3.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากข้อมูลปี 2020 ซึ่งมากกว่าญี่ปุ่น ประเทศผู้ถือครองเงินสำรองต่างประเทศรายใหญ่อันดับสอง ถึงสองเท่า


จีนได้พูดคุยเกี่ยวกับการลดปริมาณสำรองเงินตราต่างประเทศขนานใหญ่ แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงปริมาณอย่างกระทันหัน อาจมีผลกระทบรุนแรงต่อตลาดทั่วโลก


ด้าน หวัง หย่งลี่ กล่าวว่า “เงินทุนสำรองต่างประเทศจำนวนมหาศาลนั้นได้มาอย่างยากลำบาก และเป็น ‘ระเบิดนิวเคลียร์ทางการเงิน’ ของจีน ที่มีผลยับยั้งอันทรงพลัง จึงต้องพิจารณาการใช้อย่างเหมาะสม มากกว่าที่จะใช้โดยพลการ


---อิทธิพลของมหาอำนาจโลก---


มาตรการรับมืออย่างหนึ่งที่จีนสามารถทำได้ คือ การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและการเงินสู่โลกภายนอก รวมถึงสนับสนุนให้นักลงทุนต่างชาติถือทรัพย์สินของจีนมากขึ้น ตามคำแนะนำของรัฐบาลจีน


แดน หวัง นักวิเคราะห์เทคโนโลยีจาก Gavekal Dragonomics กล่าวว่า จีนกำลังพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาความเสียหายใด  จากการคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตก เนื่องจากจีนต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศ และเทคโนโลยีที่สำคัญ เช่น ชิป เมล็ดพืช และการบิน


ความพยายามที่จะพึ่งพาตัวเองของจีนยังคงดำเนินอยู่ แต่จีนไม่น่าจะปลดปล่อยตัวเองได้ภายในทศวรรษนี้” หวัง กล่าว


ด้าน ฉิน กัง เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ ได้เผยแพร่บทความความคิดเห็นใน The National Interest เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา 


โดยกล่าวว่า “ความสัมพันธ์ของรัสเซีย-สหรัฐฯ ที่ย่ำแย่ลง ไม่ได้หมายความว่าความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ จะดีขึ้น ในทางกลับกัน ความสัมพันธ์จีน-รัสเซียที่แย่ลง ก็ไม่ได้หมายความว่าความสัมพันธ์สหรัฐฯ-รัสเซีย จะดีขึ้นเช่นกัน


ที่สำคัญกว่านั้น หากความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ยุ่งเหยิง ก็ไม่ใช่สัญญาณที่ดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย-สหรัฐฯ หรือโลกใบนี้เท่าใดนัก” ฉิน กัง กล่าว

————

แปล-เรียบเรียงพัชรี จันทร์แรม

ภาพ: Reuters


ข่าวที่เกี่ยวข้อง