3 ชาติสมาชิกอียู ประกาศชัด ยังไม่พร้อมคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย

วันนี้ (6 พ.ค.65) นายปีเตอร์ เฟียลา นายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐเช็ก แถลงท่าทีไม่เห็นชอบต่อมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของอียู ที่ห้ามการนำเข้าน้ำมันรัสเซีย พร้อมระบุว่า ข้อเสนอดังกล่าว เพื่อขอเวลาในการเตรียมความพร้อม และเพิ่มศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานเรื่องการเพิ่มจำนวนท่อส่งน้ำมัน

นายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐเช็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศของเขาพร้อมสนับสนุนการคว่ำบาตรรอบใหม่ รวมถึงการคว่ำบาตรน้ำมัน หากสาธารณรัฐเช็ก ได้รับการขยายเวลาเลื่อนออกไป จนกว่าศักยภาพของท่อส่งน้ำมันของประเทศจะมีมากเพียงพอ ดังนั้นจึงต้องการเวลาเลื่อนไปอีก 2-3 ปี ถึงจะสามารถสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรนี้ได้

ด้าน สำนักข่าวอาร์ที รายงานว่า สโลวาเกีย ออกมาเตือนเช่นกันว่า จะไม่เห็นชอบกับข้อเสนอของคณะกรรมาธิการนุโรปในการห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย และยังเรียกร้องขอเวลามากขึ้นในการหาแหล่งพลังงานอื่นๆ

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรป ได้เสนอมาตรการกดดันรัสเซียรอบใหม่ด้วยการสั่งห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยทยอยยกเลิกการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียภายใน 6 เดือน และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกลั่น ภายในสิ้นปี 2565 แต่จะมีการยกเว้นให้ฮังการีและสโลวาเกีย ซึ่งพึ่งพาน้ำมันจากรัสเซียอย่างมาก โดยให้เวลาทั้งสองชาติไปจนถึงสิ้นปี 2023

ด้าน คารอล กาเล็ค รัฐมนตรีช่วยด้านเศรษฐกิจของสโลวาเกีย กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวยังให้กรอบเวลาไม่เพียงพอ สโลวาเกียต้องการเวลาอย่างน้อย 3 ปี เพราะโรงกลั่นหลักของประเทศนั้นต้องการน้ำมันจากรัสเซียอย่างมาก และเป็นไปไม่ได้ที่จะหาแหล่งน้ำมันอื่นมาทดแทนภายใต้กรอบเวลาดังกล่าว โดยสโลวาเกียนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียมากถึงร้อยละ 96 

คารอล กาเล็ค ย้ำด้วยว่า ข้อเสนอล่าสุดของอียู จะทำลายเศรษฐกิจของยุโรป เพราะไม่เพียงแต่ทำลายการจัดหาพลังงานของสโลวาเกียเท่านั้น แต่ยังทำลายไปถึงออสเตรีย สาธารณรัฐเช็ก และยูเครนด้วย

ขณะที่ปีเตอร์ ซิจจาร์โต รัฐมนตรีต่างประเทศของฮังการี ประกาศเช่นกันว่า ฮังการีไม่สามารถสนับสนุนข้อเสนอห้ามการนำเข้าน้ำมันรัสเซียของอียูได้ ซึ่งเป็นการแจ้งล่วงหน้าที่กระชั้นชิด พร้อมระบุว่า ฮังการีจะเห็นชอบต่อมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ก็ต่อเมื่อ มีการยกเว้นให้การนำเข้าน้ำมันดิบผ่านท่อส่งได้

ทั้งนี้ กลุ่มอียูนำเข้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากน้ำมันของรัสเซียมากถึง 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียนี้ต้องได้รับความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์จากชาติสมาชิก 27 ชาติก่อน จึงจะมีผลบังคับใช้ได้ แต่ฮังการีประกาศชัดเจนแต่แรกว่าไม่เห็นด้วย โดยระบุว่า อียูล้มเหลวในการรับประกันความมั่นคงด้านพลังงานให้กับฮังการี.

เกาะติดสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ได้ที่นี่

https://www.tnnthailand.com/news/ukraine-russia-war

ภาพจาก Reuters