ไม่รับคำขอโทษ!! "พลอยชมพู" ยื่นฟ้องค่ายเก่าในข้อหาผิดสัญญา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 8 หลัก
นักร้องสาว "พลอยชมพู" แถลงการณ์ยื่นฟ้องค่ายเก่าที่มาเลเซีย หลังทำผิดสัญญา และเจ้าตัวนั้นไร้งานมานานกว่า 2 ปี ยืนยันไม่รับคำขอโทษ และต้องการการชดเชยจากค่ายเท่านั้น
ทำเอานักร้องสาว "พลอยชมพู ญานนีน" ถึงกับร่ำไห้ เมื่อล่าสุดเจ้าตัวออกมาแถลงการณ์ว่าได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องค่ายเก่าที่มาเลเซีย หลังทำผิดสัญญา และเจ้านั้นไร้งานมานานกว่า 2 ปี และในส่วนของรายละเอียดเจ้าตัวยังไม่ขอระบุ และยืนยันว่าไม่รับคำขอโทษ รวมถึงเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวน 8 หลัก
ภาพจาก True Inside HD
ภาพจาก IG : jannineweigel
ด้าน "พลอยชมพู" เผยว่า "ไม่คิดว่าตอนอายุ 21 จะต้องมาเจอเรื่องกรณีพิพาทกับคนอื่น จนต้องมาขึ้นศาล จริงๆ ไม่ต้องการที่จะมีปัญหาหรืออะไรกับใคร หนูต้องการที่จะจบทุกอย่างด้วยดี แต่ในเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งเขาไม่ต้องการที่จะจบ หนูต้องมารวบรวมความกล้าในวันนี้ ประเด็นหลักที่หนูต้องการจะกล่าวถึงคือการที่หนูเป็นโจทก์ยื่นฟ้องค่ายเพลงเก่าที่หนูเคยร่วมงานด้วย ทุกคนอาจจะสงสัยว่าหนูฟ้องร้องเรื่องอะไร ข้อกล่าวหาที่เป็นประเด็นหลักคือค่ายไม่ปฎิบัติตามสัญญาจนกระทั่งสัญญาสิ้นสุด จึงเรียกร้องค่าเสียหายค่ายผิดสัญญา ซึ่งรายละเอียดยังไม่ขอระบุ แต่ถ้ามีอะไรอัปเดตจะมาแจ้งในส่วนของตรงนี้ เพราะตอนนี้ทุกอย่างกำลังรอการพิสูจน์อยู่
ภาพจาก IG : jannineweigel
ภาพจาก IG : jannineweigel
การฟ้องร้องครั้งนี้มีการฟ้องที่ศาลที่มาเลเซียไม่ใช่ที่ประเทศไทย และเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากสำหรับหนู เพราะว่ามันก็มีทั้งคนที่บอกว่าอย่าฟ้องเลย เสียเวลาแล้วก็เสียเงินด้วย และพอมันมีโควิดจะไปที่มาเลเซียยังไง ก็ต้องขอโทษเขาด้วยที่หนูไม่ฟังเขา เพราะถ้าหนูไม่ฟ้องเขา ชีวิตหนูก็เดินต่อไปไม่ได้ เพราะว่าความฝันและความหวังของหนูมันจบลงตั้งแต่ปีที่เเล้ว แต่หนูก็อดทนฝืนต่อไปเพื่อให้มันจะจบ แล้วหนูจะสามารถทำงานต่อไปได้ ตอนนี้ศาลมาเลเซียประทับรับฟ้องแล้ว มันจะจบลงยังไงก็ต้องดูกันต่อไป แต่สำหรับหนูจะไปให้สุด ไม่ต้องการคำขอโทษ แต่หนูต้องการการชดเชยจากค่ายเท่านั้น ที่จะสามารถเยียวยาอนาคตของหนูที่เสียไป 2 ปีได้ สำหรับการฟ้องร้องค่ายก็มีเพียงเท่านี้ในตอนนี้
ด้านพลอยชมพูยังแจ้งเพิ่มเติมอีกว่า ในตอนนี้หนูเป็นศิลปินอิสระแล้ว ไม่ได้อยู่ภายใต้สังกัดใคร หนูก็อยากจะขอฝากเพลงที่จะออกต่อไปด้วย หนูก็กำลังจะมีผลงาน คืออยากจะเสริมว่าที่ผ่านมาหนูไม่ได้มีงานมานานกว่า 2 ปี แทบจะไม่ได้มีงานจ้างเลย และแทบจะไม่มีเงินที่ต้องาเริ่มต้นชีวิตใหม่ เพราะว่าหนูมีทั้งค่าทนายที่ต้องเสีย และก็ค่าใช้จ่ายส่วนตัวด้วย เพราะฉะนั้นเพลงที่หนูทำมันเป็นผลงานที่สร้างมาจากเงินก้อนสุดท้ายของหนู อยากขอบคุณทุกคนที่ช่วยซัพพอร์ต และสนับสนุนให้ฝันของหนูป็นจริง รวมถึงอยากขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่ติดตามแลคอยให้กำลังใจ
ภาพจาก IG : jannineweigel
ภาพจาก IG : jannineweigel
ส่วนตัวเลขที่ยื่นฟ้องไม่สามารถพูดตรงๆ ได้ แต่เป็น 8 หลัก จริงๆ ตอนแรกไม่ต้องการที่จะฟ้องร้อง แต่มีการเจรจามาค่อนข้างนานเกือบปี เเละเราต้องการที่จะทำงานต่อไปเราก็ต้องเริ่มฟ้องร้องก่อน ผลประโยชน์ที่เสียไปคือมีเพลงออกมาแค่เพลงเดียวในระยะเวลา 2 ปี ก็ไม่มีงาน ที่ผ่านมาเขาพยายามหางานให้เราไหม คือจริงๆ พอมีงานติดต่อมาเราก็ส่งไปให้เขา ตอนที่เราอยู่ในสังกัดเขาก็เป็นสัญญาที่ครอบคลุมหมดเลย ทุกรูปแบบ พอมีงานติดต่อเรามาต้องผ่านทางค่ายหมด ค่ายเป็นคนตัดสินใจ ซึ่งหนูก็ส่งต่อสุดท้ายก็ตามนั้น ซึ่งพอเพลงแรกออกมา ทางค่ายก็มีการพูดถึงเพลงที่ 2-3 ต่อ แต่ไม่มีแผนที่ชัดเจนและมีการเลื่อนอยู่ตลอด และตอนนี้สัญญาสิ้นสุดแล้ว ให้ทนายทั้งไทยเเละมาเลเซียเป็นคนอ่านสัญญาให้ ซึ่งเขาเห็นตรงกันว่าสัญญาสิ้นสุดเเล้ว
ภาพจาก IG : jannineweigel
ภาพจาก IG : jannineweigel
ตามสัญญามีข้อกำหนดว่าต้องทำเพลงเท่าไหร่ ในระยะเวลา 2 ปี ก็มีตามจำนวน แต่ก็ได้มา 1 เพลง จริงๆ หนูทำเพลงค่อนข้างเยอะ ทำเพลงอะไรก็ส่งให้เขาหมด คือสัญญาจะต้องทำเพลง 5 เพลง ในระยะเวลา 9 เดือนจากที่ออกเพลงแรกมา และบางเพลงที่ส่งไปก็ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งบางทีเขาก็เงียบหายไปเลย และบางทีก็มาบอกว่าทำเพลงกัน ซึ่งไม่รู้ว่าเพลงที่ส่งไปเป็นยังไง แต่หนูก็ส่งไป 10 เพลง ซึ่งหลายเพลงก็ทำที่อเมริกาและโปรดักซ์ชั่นก็คุณภาพ ซึ่งถามเขาตรงๆไหมว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่าไม่ชอบ มันไม่ตรงตามภาพลักษณ์ที่เขาต้องการให้หนูเป็น หนูเป็นศิลปินคนแรกและคนเดียวในค่าย สัญญาที่เซนต์ไม่ได้นับเป็นปีๆ แต่ว่านับเป็นอัลบั้มเป็นชุด อย่างที่บอกว่าต้องออก 5 เพลงภายใน 9 เดือน หลังจากที่ออกเพลงแรกไป ซึ่งก็เป็นอีพีนึง
ภาพจาก IG : jannineweigel
ภาพจาก IG : jannineweigel
และคือด้วยการที่หนูเซนต์เรามองว่าเขาเป็นบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่ และเป็นศิลปินคนแรกและคนเดียวของค่ายด้วย เราก็เลยรู้สึกว่ามันดูน่าจะมีความหวัง เราน่าจะได้ไปต่อยอดในสิ่งที่เรามีอยู่ เสียใจไหม หนูรู้สึกว่าเราก็ไม้รู้ว่ามันจะมาแบบนี้แต่หนูก็รู้สึกว่าทำให้หนูเข้มแข็งขึ้น ต้องบอกว่า 9 เดือนแรกหนูต้องย้ายไปอยู่มาเลเซียเพื่อทำงานให้สะดวกขึ้น แต่พอย้ายแล้วล็อกดาวน์พอดี เลยได้อยู่ยาว
จริงๆ ไม่ได้อยากจะคิดเรื่องการฟ้องร้องเลยให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยในส่วนตรงนี้ ในตอนนี้ก็พยายามโฟกัสในส่วนที่เราทำแล้วมีความสุข อยากจะก้าวไปข้างหน้า มันสิ้นสุดไปเเล้วกลางปี ซึ่งเขาก็มีการติดต่อการเจรจาค่อนข้างนาน และไม่เป็นผล และตอนนี้ไม่คิดจะเซนต์สัญญากับใครเเล้ว ทำงานเองมีความสุขมากกว่า"
ภาพจาก IG : jannineweigel
ภาพจาก IG : jannineweigel
