อดีตภรรยาฟลุค เผยสุดงงถูกขอเลิก วอนรับผิดชอบลูก

อดีตภรรยา ไฮโซฟลุค ชลัคร เปิดใจกับสื่อดัง ถึงประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจจากสังคม เรื่องราวปัญหาความสัมพันธ์กับสามีถึงวันที่บอกเลิก โดยเจ้าตัวได้เล่าว่า

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากให้ไล่เรียงไทม์ไลน์ให้ฟัง เนื่องจากฝั่งผู้ชายยืนยันว่าผู้หญิงที่เป็นข่าวไม่ได้แย่งสามีใคร?

"เห็นเขารู้จักกันครั้งแรก เขาบอกรู้จักกันตอนไปเล่นเวกเซิร์ฟน่าจะประมาณตุลาคมปีที่แล้ว โดยบอกว่าเป็นเพื่อนที่รู้จักกัน เราก็ไม่ได้อะไร ตอนนั้นพี่ผู้หญิงลงสตอรี่ให้ แล้วเขาก็เหมือนรีโพสต์กัน เรายังแซวเขาอยู่เลยว่าเห่อเนอะ จากนั้นเดือนพฤศจิกายนพี่ผู้หญิงส่งชีสเค้กมาให้วันเกิดของพี่ฟลุค แล้วพี่ฟลุคก็รีวิวให้ลงในไอจีทั้งที่มีเค้กก้อนอื่นๆ ตั้งเยอะ ตนเลยถามว่าทำไมลงแต่ของพี่ผู้หญิงคนเดียว พี่ฟลุคบอกว่าพี่เขาให้ลงโฆษณาให้เขาหน่อย ตอนนั้นเราก็ช่างมันเถอะไอจีส่วนตัวของใครก็ของมัน"

ตอนนั้นไม่มีเอะใจในความสัมพันธ์?

"ไม่เลย ตนรู้สึกว่าถึงสามีเราจะเป็นคนอย่างนี้อยู่แล้ว แต่เรามั่นใจในตัวผู้หญิงคนนั้น ว่าเขาไม่เอาสามีเราแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ไม่คิด อันนี้เรื่องจริงเลยเราเลยแบบว่าตัดประเด็นสงสัยไปเลย ไหนจะลูกที่อยู่ในท้องหรือว่าเมียก็เพิ่งคลอด ผู้หญิงจะมาเอาอะไร"

"จากนั้นตนคลอดลูกวันที่ 24 ม.ค.64 ระหว่างนั้นเขาก็ให้เราดูรูปดำน้ำในมือถือ จังหวะที่พี่ผู้หญิงไดเร็กต์มาส่วนตัวพอดี เรายังพูดอยู่เลยว่าทำไมพี่ไดเร็กต์เข้ามา เขาก็เลยเอามือถือไปและบอกว่าพี่เขาไดเร็กต์มาแสดงความยินดีกับลูก เราก็สงสัยว่าเขารู้ได้ยังไงในเมื่อพี่ฟลุคเองยังไม่ได้ลงรูปลูกเลย เขาบอกว่าเพื่อนในกลุ่มดำน้ำแคปรูปที่ปอนด์ลงไปในกลุ่มดำน้ำ พี่เขาก็เลยส่งมาแสดงความยินดีในไดเร็กต์  เราก็เอะใจตอนนั้นว่าอ้าว! ปกติแล้วถ้าจะแสดงความยินดีก็น่าจะเขียนในกลุ่มไลน์ที่ลงรูปที่คุยกันเลย อยู่ดีๆ ใครจะมาไดเร็กต์ส่วนตัวแบบนี้ แต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะวุ่นวายเรื่องลูกและเรื่องญาติที่มาเยี่ยมอยู่"

"หลังจากคลอดลูกมาไม่ถึงเดือนเขาเดินมาบอกเลิก ว่า เราอยู่กันไม่ได้แล้วนะ ก่อนหน้านั้นอาจจะมีระหองระแหงกันตามประสา หนึ่งคือเขาไม่กลับบ้าน หลังจากตนคลอดลูกได้หนึ่งอาทิตย์เขาไปดำน้ำ เราก็รู้สึกไม่ดี แต่เขาบอกว่านัดกับเพื่อนไว้ตั้งนานแล้ว เจอแบบนี้เราก็เลยทั้งน้อยใจทั้งโกรธทำให้ไม่คุยกัน พอเขาบอกว่าเลิกกันเถอะ ฟลุคอยู่ฟลุคก็ไม่มีความสุข ตอนนั้นก็ไม่ถามเหตุผลเลย บอกแค่ว่ารอให้ลูกโตก่อนค่อยมาคุย เขาบอกว่าได้ ตอนแรกคิดว่าเขาอาจจะโกรธที่ไม่คุยกับเขา พออาทิตย์ต่อมาเขาก็มาพูดอีกว่าสามีภรรยาเลิกกันไม่มีใครมาอยู่ชายคาบ้านเดียวกันหรอก ตนต้องเก็บของออกไปได้แล้ว เราก็แบบอะไรจะขนาดนั้น เริ่มตกใจว่ามันจริงจังเหรอเนี่ย แต่เราก็ยังอยู่เลี้ยงลูกไป ซึ่งเขาก็เล่นกับลูกปกติ"

"จนวันที่ 2 เม.ย. ตนต้องพาลูกคนโตไปพัทยา แต่ตอนแรกจะฝากลูกคนเล็กไปกับแม่เพื่อนเพราะว่าลูกคนเล็กยังเล็ก เขาก็เดินเข้ามาบอกว่าจะให้ลูกไปกับคนอื่นได้ยังไง ถ้าลูกเป็นอะไรไปใครจะรับผิดชอบ ตนเลยต้องฝากลูกคนเล็กไว้กับพี่เลี้ยง แล้วที่นี้ช่วงเย็นวันที่ 2 เม.ย. พี่เลี้ยงโทรมาหาบอกว่ามีผู้หญิงมาที่บ้าน เราก็เอะใจว่ามีคนเดียวต้องใช่พี่คนนี้แน่นอน เลยบอกให้พี่เลี้ยงถ่ายรูปให้ดูหน่อย เขาก็เลยถ่ายรูปไกลๆ เก็บไว้ซึ่งเป็นชุดเดียวกันกับที่พี่เขาลงในไอจี วันนั้นพี่เขาใส่ชุดสีชมพู พี่เลี้ยงเลยอุ้มลูกออกไปหาพี่ฟลุค ฟลุคเลยหันมาถามพี่ผู้หญิงว่าเป็นยังไงลูกฟลุคน่ารักมั้ย พี่เขาก็ตอบว่าน่ารัก อันนี้คือที่พี่เลี้ยงเล่าให้เราฟัง"

"กลับจากพัทยาวันที่ 3 เม.ย. ก็ไม่ได้ถามอะไรเขา เราก็มีทิฐิเหมือนไม่อยากให้ความสนใจ แล้วพอวันที่ 9 เม.ย.ลูกปิดเทอมและเป็นช่วงที่มีโควิดด้วย ก็เลยพาลูกทั้งสองคนกลับมาสกลนคร วันที่ 10 เม.ย.วันเกิดลูกคนโต เขาไปดำน้ำไม่โทรมาแฮปปี้เบิร์ธเดย์ลูก แต่เขาไม่ได้บอกว่าไปดำน้ำกับพี่ผู้หญิง ตนเห็นในสตอรี่ของเพื่อนเขาว่าอยู่สถานที่เดียวกัน พี่ฟลุคเขาก็รีโพสต์ของเพื่อนเขาอีกที แล้วพี่ผู้หญิงก็ลงของตัวเอง พอแคปมาเลยทำให้เรารู้ว่าเขาอยู่สถานที่เดียวกัน   ก็เลยโทรถามเขาว่าไปดำน้ำกับใครบ้าง เขาก็ไล่ชื่อมาแต่ไม่มีชื่อพี่ผู้หญิง ปอนด์ก็เลยถามไปว่าแล้วพี่เขาไม่ได้ไปด้วยเหรอ เขาบอกว่าไม่ได้มาด้วยกันนะแต่เห็นผ่านๆ เราก็ไม่ได้ถามอะไรต่อและวางสายไป แต่เห็นพี่เขาใส่เสื้อพี่ฟลุค เสื้อดำน้ำที่ใส่คลุมตัวนี้คือเป็นเสื้อที่ไปซื้อกับตน รู้แน่นอนว่าเป็นเสื้อของสามี"

"หลังจากนั้นเขาก็กลับมาจากดำน้ำ แล้วก็ไปหัวหินด้วยกันต่อในช่วงนั้นน่าจะ 2 รอบ ทำกิจกรรมเยอะมากยิงปืนทำโน่นทำนี่ เริ่มรีโพสต์กันไปมาแล้วช่วงเดือนเมษายน เขาบอกว่าเป็นเพื่อนกันอยู่กลุ่มเดียวกัน แล้วพอตนบอกว่าจะกลับกรุงเทพฯ เขาก็บอกว่าอย่าเพิ่งกลับมาโควิดระบาดเยอะมาก เราเองก็สงสัยว่าเขาเองก็ไม่เห็นจะอยู่กรุงเทพฯ ไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ตลอด ไม่เห็นจะกลัวโควิดเลย แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป"

“วันที่ 26 เม.ย. ตนยังคุยให้เขาเอาของกลับมาให้หน่อย อย่างเสื้อผ้าลูกคนเล็กเพราะว่าโตเร็วมาก แล้วก็เกมอะไรต่างๆ พอวันที่ 27 เม.ย. เขาก็ยังบอกว่าถ้าไม่จำเป็นอย่ากลับมานะ คือตอนแรกจะกลับไปเอาของไง เพราะเอาเสื้อผ้ามาแค่ไม่กี่ชุด ไม่ได้คิดว่าจะอยู่นาน ทีนี้เห็นสตอรี่เขารีโพสต์พี่ผู้หญิงก็เลยถามว่าไปหัวหินเหรอ เขาบอกว่ามารถเพื่อน แล้วคืนนี้ก่อนนอนให้ลูกคนโตโทรหาหน่อยเขาคิดถึงอะไรประมาณนั้น หลังจากกลับมาจากหัวหินเขามาเก็บของให้วันที่ 30 เม.ย.  แล้วก็วันที่ 3 พ.ค. พี่ผู้หญิงลงรูปจานอาหารในบ้านว่าทำอาหารกินกัน ปอนด์เลยแคปรูปนี้ส่งไปให้พี่ฟลุคถามว่า…นี่คืออะไร เขาบอกว่าเพื่อนมาดื่มกันที่บ้านเมื่อวาน 4 คน แต่ช่วงนั้นเขารีโพสต์กันเยอะมาก รีโพสต์แต่กับพี่ผู้หญิงตลอดคนเดียวเลย"

จากที่ไม่เคยเอะใจ ความคิดเปลี่ยนไปไหม?

"ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. ผู้หญิงมาที่บ้าน ตอนนั้นคือตกใจมากว่าทำไมพี่เข้ามาที่บ้าน สามีเราไปพูดอะไรกับเขาหรือเปล่า ตอนนั้นในหัวยังคิดอยู่เลยว่าจะไดเร็กต์ถามเขาดีมั้ย เราก็ปรึกษาหลายคนซึ่งทุกคนก็บอกว่าไม่ต้องไปถามหรอก ทำไมเราต้องเป็นคนไปถามเขาอ่ะ"

"พอวันที่ 6 พ.ค. ตนก็เลยไลน์ไปถามว่าคบกับพี่ผู้หญิงเหรอ ทำไมพาเข้ามาที่บ้าน ตนกับลูกยังอยู่ตรงนั้นมันคืออะไร ไปเที่ยวด้วยกันไปดำน้ำกัน เขาก็บอกว่าเป็นเพื่อนกันเป็นมิตรภาพที่ดีเป็นที่พึ่งทางใจที่ดี เขาก็ยังยืนยันว่าไม่ได้คบกับพี่ผู้หญิง"

"เรื่องเป็นข่าวขึ้นมาตรงที่เขาลงรูปคู่กันวันที่ 14 พ.ค. แล้วเรื่องของตนก็ยังไม่ชัดเจนเลย เสื้อผ้าตน เสื้อผ้าลูกและของลูกทุกอย่างยังอยู่ในบ้านหมดเลย"

"ตนไม่เคยโมโหใครแล้วไม่เคยทำอะไรใครเลยนะคะ เขาใส่เสื้อพี่ฟลุคถ่ายตรงเสาบ้านลงไอจี เขาใส่เสื้อพี่ฟลุคทั้งหมด 3 ครั้ง เสื้อดำน้ำตัวหนึ่ง แล้วกลับมาอยู่ในบ้านใส่เสื้อยืดของพี่ฟลุคถ่ายอยู่ในบ้าน ครั้งที่สามใส่เสื้อลายสก๊อตสีแดงที่เขาลง"

ย้อนถามไปว่าการที่ฝ่ายชายมาขอเลิกเป็นการพูดด้วยคำพูด ยังไม่ได้มีการกระทำอะไรที่เป็นสัญญาเป็นเรื่องเป็นราว?

"ถูกต้อง ยังไม่มีการเซ็นสัญญาอะไรค่ะ สัญญาฉบับนี้เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะกลับมาสกลนคร เขาเอาทนายมาคุยว่าจะแบ่งกันดูแลลูกยังไง เขาก็ยังไม่เคลียร์ แล้ววันที่ 18 พ.ค. 64 เขาก็ส่งสัญญาที่มีลายเซ็นมาให้ตน พอได้อ่านเห็นว่าเขาดูแลแค่ค่าเทอมของลูก แต่ค่าเลี้ยงดูลูกและค่าอะไรสำหรับลูกมันไม่ชัดเจน ตนก็เลยไม่เซ็น เท่ากับว่าสัญญาฉบับนี้ยังไม่มีผลอะไร เอาตรงๆ ตนยังไม่รู้เลยว่าเราเลิกกันแล้วใช่มั้ย แล้วคือสัญญาก็ยังไม่เคลียร์อะไรเลย ทุกอย่างยังอยู่ในช่วงที่คุยกันว่าตกลงทุกอย่างจะยังไง"

"แล้วเขายังบอกด้วยว่าเขาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับตน สิ่งที่เขาทำสัญญาจะไม่ทำก็ได้แต่เขาทำให้ตนสบายใจเฉยๆ แล้วในสัญญาบอกด้วยว่าหลังจากเซ็นแล้วตนต้องพาลูกออกจากบ้านภายใน 1 เดือน อยากจะบอกว่าที่เป็นข่าวตอนนี้ตนก็เสียหาย เขาออกมาพูดต่างๆ นานาทั้งที่ตนไม่เคยออกมาพูดอะไรเลย แล้วก็ออก Notice ไปตามรายการโน้นรายการนี้ให้หยุดสัมภาษณ์ ทั้งที่เรื่องต่างๆ ที่ออกมามาจากตัวของเขาเอง แล้วทำให้ตนกับลูกเสียหาย ถ้าเขารับผิดชอบลูกจะไม่ว่า แต่อันนี้คือยังไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง แล้วก็ไม่ให้เกียรติตนด้วย บอกว่าไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้มีพิธี ความจริงมันมีพิธีเกิดขึ้น แต่แค่ว่าไม่ได้จดทะเบียนสมรส"

ทำไมวันนี้ถึงตัดสินใจที่จะออกมาพูด?

"ตนเองก็เสียหายไง ในที่นี้คือเขาทำเขาเองแต่มันมาเสียหายตนด้วย เรื่องสัญญาก็ยังไม่เคลียร์เลยว่าจะดูแลลูกยังไงกัน ตอนนี้เขาก็หายนิ่งไปเลย ไม่ติดต่อมาเลย เขาบอกว่าจะไม่เซ็นอะไรอีกแล้วให้ไปคุยที่ศาล รับรองบุตรโน่นนี่นั่นคือเขาบอกไม่คุยอะไรแล้ว ให้ศาลตัดสินเอาว่าเขาจะต้องรับผิดชอบอะไร"

"แล้วเขาพูดคำหนึ่งว่า ทนคบกับตนมา 3 ปี เราก็แบบทนคบอะไรกับเรามา 3 ปีแล้วจะมีลูกคนนี้ทำไม ไม่อยากให้ตนทำหมันด้วยซ้ำ ตนเคยขอทำหมัน เขาบอกว่าจะทำหมันทำไมถ้าฟลุคอยากมีอีกจะยังไง ตนดูแลลูกเอง เขาเพิ่งจะมาจ่ายค่าเทอมปีแรกให้ลูก ถามว่าเขารักลูกมั้ย เขาก็บอกว่ารักลูกนะแต่การกระทำเขาก็คือเล่นแป๊บๆ แล้วก็ไม่อยู่บ้าน แล้วตนตามจนเหนื่อย แล้วเขามาพูดกับตนได้ยังไงว่าทนคบมา 3 ปี ทนมาตลอด แล้วมีลูกคนนี้คืออะไร แล้วเขาก็บอกว่าลูกคนนี้เขารักมากเป็นลูกผู้ชายคนแรกของเขา"

หลังจากนี้จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง?

“มีสัญญาตัวใหม่ส่งไป สัญญาที่ทนายของตนแนะนำ เรื่องค่าใช้จ่ายของลูกหรืออะไรพวกนี้ ตนไม่ได้ทำเพื่อตัวเองนะคะ ไม่ได้ต้องการอะไรอยู่แล้วนะคะ ถ้าได้อ่านสัญญาฉบับนี้คือตนไม่มีส่วนได้เลย ผลประโยชน์จะเป็นให้ลูกทั้งหมด เช่นค่าการศึกษา ค่าดูแลบุตร ซึ่งเขาอ่านแล้วก็บอกว่าไม่เซ็นไปคุยที่ศาล”

สัญญาฉบับแรกที่ทางผู้ชายเขียนขึ้นมา ตัวเรามองว่าไม่แฟร์กับลูกใช่ไหม?

“ไม่แฟร์กับลูกเราค่ะ แต่ในเมื่อมีสัญญาฉบับใหม่ไปแล้วเขายืนยันว่าไม่คุยทุกอย่างก็ต้องรอไปที่ศาล เพราะอย่างน้อยเขาก็ต้องรับรองบุตรถูกมั้ยคะ ตอนนี้เขาก็ยังไม่เซ็นรับรองบุตรทั้งที่เป็นลูกสืบสกุลของเขาเอง เขาจะทำแบบนี้ไม่ได้ต้องชัดเจนให้จบกับปอนด์ก่อน แต่นี่ยังไม่จบแต่เขาไปอย่างนี้เลยเหรอ แล้วมาพูดให้ตนเสียหาย ถ้าลูกโตขึ้นมาดูข่าวจะเป็นยังไง”

มีอะไรอยากจะพูดอีกไหม?

“ตนเสียหาย ครอบครัวก็เสียหาย เรื่องที่เกิดขึ้น อยากให้จบ อยากให้เขามารับผิดชอบ ทุกวันนี้ต้องเลี้ยงลูก 2 คน คนเล็กก็เพิ่งคลอด เหนื่ออยทั้งกายและใจ ต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก ไม่ไหวค่ะ หลังจากนี้ถ้าคุณจะคบกับใครก็แล้วแต่คุณ แต่อยากให้มาเคลียร์ในส่วนรับผิดชอบของคุณเรื่องลูกให้เสร็จไปก่อนค่ะ”

กลัวไหมว่าออกมาพูดแบบนี้แล้วทางผู้ชายจะฟ้อง?

“ฟ้องเรื่องอะไรคะ จะฟ้องเรื่องอะไร”

ตอนนี้ยังอยู่ที่สกลนครยาวเลยไหม?

“ใช่ค่ะ ยังไม่รู้ว่าลูกจะเปิดเทอมเมื่อไหร่เลย ถ้าเปิดเทอมก็ต้องกลับกรุงเทพฯ ไม่รู้ต้องเข้าไปเก็บของอะไรยังไง เอาจริงๆ ถ้าจะให้กลับกรุงเทพฯ ไปอยู่แบบเดิมก็ได้นะคะ ในเมื่อคุณยังไม่ได้เลิกกับฉัน เราเองยังไม่ได้เซ็นสัญญาอะไร”

ขอบคุณภาพ IG : pung_p / fluke_yarra