ฉันไม่ใช่วีรสตรี!! 'อันหยูชิง' ชี้ทุกคนมีคำตอบในใจ บทสัมภาษณ์สุดท้ายกับสื่อไทย

ตอบชัดเจนในบทสัมภาษณ์ที่เจ้าตัวระบุว่าจะเป็นการพูดครั้งสุดท้าย สำหรับ “อันหยูชิง” นักแสดงไต้หวันผู้แฉเรื่องราวถูกรีดไถเงินในเมืองไทย!!

หลังจากที่ได้มีโพสต์ขอบคุณสื่อดังของไทยที่เธอได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้ง ล่าสุดโซเชียลมีเดียของ “บีบีซีไทย” (BBC Thai) ก็ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ “อันหยูชิง” (AnYuQing) หรือ “ชาร์ลีน อัน” (Charlene An) นักแสดงสาวไต้หวันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เธอระบุว่าถูกตำรวจไทยเรียกเงินจากเธอและเพื่อนไป 27,000 บาท

โดยในบทสัมภาษณ์ “อันหยูชิง” หรือ “อันอวี่ฉิง” ยืนยันว่าที่มาออกสื่อครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อสร้างกระแสหรือกล่าวหาตำรวจไทย แต่เธออยากจะยืนยันความจริงที่ต่อให้พูดกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม เธอไม่อยากถูกใส่ร้ายป้ายสีอีกแล้ว เธอเป็นเพียงนักท่องเที่ยวธรรมดาที่เพียงอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้อีกหลายๆ คนได้ระวังตัวกันไว้เท่านั้น รวมทั้งประกาศด้วยว่านี่จะเป็นบทสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย!! (คลิกชมคลิปสัมภาษณ์)

ฉันไม่ใช่วีรสตรี!! 'อันหยูชิง' ชี้ทุกคนมีคำตอบในใจ บทสัมภาษณ์สุดท้ายกับสื่อไทย

ภาพจาก: IG charlene_an517

ภาพจาก: Facebook บีบีซีไทย - BBC Thai

“อันหยูชิง” เล่าย้อนไปในเหตุการณ์เมื่อกลางดึกวันที่ 4 ม.ค. 66 ว่า ช่วงเวลาตั้งแต่เรียกแท็กซี่มาจนจบเหตุการณ์ที่ด่านตรวจซึ่งถูกเรียกเงินไปกว่า 2 หมื่นบาทในใช้เวลารวมกว่า 2 ชั่วโมง แต่ช่วงเวลาที่ตำรวจเรียกค้นตัวจนกระทั่งยอมจ่ายเงินและตำรวจเรียกแท็กซี่ให้กลับไปได้นั้นอยู่ที่ราว 45 นาที โดยน่าจะเป็นช่วงเวลา 01.00 - 03.00 น. ของวันที่ 5 มกราคม เนื่องจากเธอมีเพียงโทรศัพท์มือถือและบริเวณด่านตรวจค่อนข้างมืด

สิ่งที่เธอไม่คาดคิดคือ หลังจากเพื่อนบอกว่าตำรวจต้องการเงิน 27,000 บาท ทางเจ้าหน้าที่ได้นำบุหรี่ไฟฟ้ามายัดใส่มือเธอแล้วถ่ายรูปก่อนจะเรียกแท็กซี่ให้ เธอขอยืนยันว่าไม่ได้เมาและไม่มีบุหรี่ไฟฟ้าอยู่กับตัว ส่วนเพื่อนคนอื่นจะมีหรือไม่เธอไม่รู้ และเธอก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันที่ถืออยู่ไม่ใช่ของเธอ เพราะภาพหลักฐานถูกลบไปหมดแล้ว!!

ภาพจาก: IG charlene_an517

หลังยอมจ่ายเงิน ตำรวจยอมปล่อยเธอและเพื่อนกลับโดยให้เหตุผลว่าเพราะดูไม่ใช่คนอันตราย คำถามคือ ถ้าไม่อันตรายทำไมถึงยื้อพวกเธอไว้กว่า 45 นาที ส่วนที่มีภาพเธอไปเดินตลาดต่อหลังเกิดเหตุเพราะเธอกับเพื่อนวางแผนจะไปทานอาหารที่ร้านแถวนั้นอยู่แล้ว

“อันหยูชิง” ปิดท้ายเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ฉันคิดว่าทุกคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าใครจะตัดสินอย่างไร ฉันไม่ใช่วีรสตรี ไม่ได้อยากจะต่อสู้กับทางการไทยหรือตำรวจไทย!!”

ส่วนกับคำถามที่ว่า จะไม่กลับมาเหยียบเมืองไทยอีกจริงหรือ? เธอบอกว่าตอนที่โพสต์ไปแบบนั้นเพราะเพิ่งผ่านประสบการณ์ที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตมา แต่พอได้คิดทบทวนก็รู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นผลจากเวรกรรมที่เคยทำมา ถ้ามีโอกาสเธออยากกลับมาเมืองไทยอีก เพราะเมืองไทยอาหารอร่อย มีสถานที่ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมที่สวยงาม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างสดใหม่ ถ้าให้กลับไปตอนนี้เธอยังกลัวอยู่มาก และถ้าเรื่องราวของเธอจะมีส่วนช่วยตีแผ่และทำให้ปัญหาเหล่านี้คลี่คลายหมดไปได้ ในอนาคตเธอก็จะกลับมาเมืองไทยอีก