"มะตูม เตชินท์" เล่าความสูญเสียครั้งใหญ่ เพิ่งรู้ยายปิดบังป่วยโรคลูคีเมียก่อนเสียชีวิต
"ดีเจมะตูม" กับความสูญเสียครั้งใหญ่ เพิ่งรู้ว่ายายปิดบัง ป่วยโรคลูคีเมียก่อนเสียชีวิต เพราะไม่อยากให้ลูกหลานลำบาก
เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ ของ "ดีเจมะตูม" หรือ "มะตูม เตชินท์ พลอยเพชร" คุณยายสุดที่รักจากไปอย่างกะทันหันได้เกือบ 1 เดือนเต็ม “ดีเจมะตูม” ก็เริ่มเรียกสติกลับมาได้ดีขึ้นตามลำดับ และได้ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรกว่า ไม่เคยรู้เลยว่าป่วยเป็นลูคีเมียระยะ 3 ยายปิดเรื่องนี้มาตลอด เพียงเพราะไม่อยากให้ลูกหลานมารับผิดชอบชีวิตป่วยของเขา
ตอนนี้ความรู้สึกเราเป็นยังไง?
ดีเจมะตูม : ดีขึ้นตามลำดับครับประมาณ 90% แล้วก็จะมีบางช่วงที่เห็นคนแก่เดินทางหรือคนทักมันก็ยังมีรู้สึกบ้าง แต่เวลาที่เราจะดาวน์ หรือเราจะร้องไห้ ถ้ายายอยู่จะบอกว่าอย่าร้องเรา ก็จะมีประมาณนี้ครับ ซึ่งเขาเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งมากเข้มแข็งมาก
ซึ่งนี้น่าจะเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเรา เพราะคุณพ่อคุณแม่ก็ยังอยู่ครบหมด แต่คุณยายเป็นคนที่เราโตมาด้วยจริงๆ เพราะเขาเป็นคนเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็ก ซึ่งแม่- พ่อไปทำงานต่างประเทศ เราอยู่กับคุณยายมาตั้งแต่เด็กจนอายุ 16-17 เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์เราระหว่างยายหลานมันแน่นแฟ้นมาก จนเราไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริง
คุณยายจะสอนเราตลอดเวลาเราล้มแล้วต้องลุกให้ได้ เราจะคุยกันทุกเรื่อง เคยคุยแม้กระทั่งจะกลับมาในวงการบันเทิงยังไงด้วยซ้ำ ซึ่งคุณยายก็นั่งวางแผนให้เลยว่าไม่ต้องไม่ซื้อของแพงๆ รอบนี้กลับมาเก็บเงิน เขาจะบอกให้เก็บเงินไม่ต้องใช้เงินเยอะ อย่าไปซื้อของแพง อย่าไปคบเพื่อนกลุ่มไฮโซมากภาษีสังคมมันแพง
ส่วนจุดเริ่มต้นการทำ YouTube กับคุณยายมาจากหลังจากที่เราสึกบวชพระแล้วไปกราบขอขมาคุณยาย เราก็เตรียมทีมงาน YouTube ไปด้วย เพราะรายการออกมาทีมงานก็บอกว่าคุณยายโบ๊ะบ๊ะมาก เหมาะที่จะเอามาทำรายการด้วยกัน เพราะออกอากาศไปกระแสตอนนั้นคือดีมาก เพราะแฟนคลับเรียกร้องอยากให้เรากับคุณยายมีรายการด้วยกัน เราก็เลยไปถามยาย แล้วยายก็อยากทำ ยายอยากทำให้คนรักหนู
เรียนรู้อะไรจากการสูญเสียใหญ่ครั้งนี้?
เยอะมากเลยครับ เรียนรู้ทุกช่วงเวลาทุกวินาทีให้เกิดประโยชน์และคุณค่ากับคนที่เรารัก โดยเฉพาะครอบครัวมันมีความสำคัญมากขนาดไหน เมื่อก่อนเวลาแม่ตูมจะขอกินข้าวต้องเช็กคิวจากผู้จัดการ ตูมไปโฟกัสที่งานที่เงินมากเพราะเราอยากสำเร็จ แต่พอวันที่เราได้บ้านแล้วแต่ไม่มีเขา ตูมมานั่งถามตัวเองว่าทำไมเราไม่เคยพาเขาไปกินอันนี้นะ แต่มันจะมีบางอย่างที่เราโทษตัวเองนิดนึง แต่เราเชื่อว่าเราทำดีที่สุดแล้วในฐานะหลาน การจากไปของเขามันเป็นการเสียสละขอเลือกที่จะไม่ให้เรารับผิดชอบชีวิตป่วยของเค้า เลือกที่จะไปเลยงั้นแสดงว่าเขาต้องการให้พวกเราดูแลรักใคร่สามัคคีกันในครอบครัวช่วยเหลือกันและกัน
ภาพจาก ig : dj_matoom
ภาพจาก ig : dj_matoom
ภาพจาก ig : dj_matoom
ภาพจาก ig : dj_matoom
ข้อมูล / ภาพจาก : รายการโต๊ะหนูแหม่ม
