“โอม ค็อกเทล” เผยถูกผู้ว่าจ้างทำให้เสียชื่อเสียง (มีคลิป)

“โอม ค็อกเทล” แจ้งเหตุถูกผู้ว่าจ้างใส่ความ เป็นศิลปินเรื่องเยอะ ขอยกเลิกงาน
เดินหน้าชี้แจงในทันทีหลัง เพจเฟซบุ๊ก Cocktail โพสต์ชี้แจง 3 กรณีใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกของวง โดยแต่ละเรื่องทำให้ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของวงได้รับความกระทบกระเทือนเสียหาย โดยใจความสำคัญคือการที่มีผู้ว่าจ้าง จ้างศิลปินวง ค็อกเทล ไปแสดง และได้มีการทำสัญญากับทางต้นสังกัดคือ จีเอ็มเอ็ม
แกรมมี่ และได้วางเงินมัดจำไว้ส่วนหนึ่ง ต่อมาเมื่อใกล้ถึงกำหนดงาน ทางผู้ว่าจ้างได้แจ้งผ่านต้นสังกัดมาว่าบัตรขายได้ไม่ดีมีคนดูน้อย ทางผู้จัดจะขอยกเลิกงานเสียโดยจะย้ายไปจัดงานที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งแทนในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 แทนได้หรือไม่ ทางวงตอบรับและยินดีจะให้ความช่วยเหลือผู้ว่าจ้างตามเงื่อนไขในสัญญาเดิมทุกประการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายหรือค่าเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น ความปรากฏต่อไปเมื่อใกล้วันที่ 20 นั้น ทางผู้ว่าจ้างได้แจ้งเข้ามาว่าไม่สามารถที่จะจัดงานได้เนื่องจากไม่สามารถขออนุญาตหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ในการจัดงานได้สำเร็จจึงขอยกเลิกคิวงานของวงอีกครั้งในระยะกระชั้นชิดต่องาน ทางต้นสังกัดได้พิจารณาแล้วถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นและตัดสินใจริบมัดจำโดยทั้งนี้ทางศิลปินยังคงยินดีที่จะทำการแสดงให้ในอนาคตหากทางผู้ว่าจ้างสามารถจัดหาคิวงานที่แน่นอนได้
ต่อมาในวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ทางศิลปินได้รับทราบจากกลุ่มบุคคลที่ทำการเสียเงินซื้อบัตรเข้าชมการแสดงในวันดังกล่าวว่าทางผู้ว่าจ้างยังคงมิได้ชำระเงินคืนให้แก่ผู้ซื้อบัตร โดยทั้งนี้ทางผู้เสียหายยังแจ้งเพิ่มเติมอีกว่า ทางผู้ว่าจ้าง ได้เหตุผลในการยกเลิกงานในวันนั้นว่าทางวงมีความรู้สึกอายที่จะต้องมาเล่นในงานที่ไม่มีคนดูอย่างที่ควรจะเป็นจึงไม่ยอมมางาน ประกอบกับการที่ทางศิลปินยึดมัดจำไปทำให้ผู้ว่าจ้างมิสามารถชำระเงินคืนให้แก่ผู้เสียหายได้ พร้อมทั้งใช้ถ้อยคำไปในทางชี้นำให้เห็นว่าศิลปินไม่มีน้ำใจและไม่มีความรับผิดชอบ ทั้งนี้ทางผู้เสียหายได้แนบพยานหลักฐานการกล่าว อ้างของผู้ว่าจ้างในกรณีดังกล่าวมาให้ด้วยทั้งสิ้น
ด้านนักร้องนำ โอม ค็อกเทล ได้ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวใน เฟสบุ๊กตัวเองว่า “ขอชี้แจงดังนี้ครับ ในฐานะศิลปินตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาเรามีความภาคภูมิใจในงานที่เราทำ และสำเหนียกอยู่เสมอว่าเราเป็นคนทำงานรับจ้าง เมื่อรับเงินเขามาแล้วจะดีร้ายอย่างไรเราพึงมีหน้าที่ต่อผู้ที่ตั้งใจมาดูมาชมการแสดงเสมอ เรามิเคยอายที่จะต้องทำการแสดงต่อหน้าคนน้อย หรืองานเล็ก ๆ หากเขาจ้างมาแล้ว เรารับงานเขามาแล้วมีแต่ต้องทำการแสดงให้อย่างเท่าเทียมกันทั้งสิ้น มิได้สำคัญตนว่าเป็นศิลปินโด่งดัง ศิลปินใหญ่ และเจียมตนอยู่เสมอว่างานของเรานั้นอยู่ได้ด้วยความรับผิดชอบที่มีต่อผู้ฟัง ซึ่งผู้ฟังมีสิทธิเต็มที่เสมอที่จะรักจะเกลียด จะชอบหรือไม่ชอบ และความนิยมใด ๆ ย่อมเสื่อมไปได้ตามเวลา การกล่าวอ้างดังกล่าวของผู้ว่าจ้างจึงเป็นการให้ความเท็จอันเป็นการดูถูกและเหยียดหยันต่อทัศนคติในการทำงานของเรา และสร้างความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือของเราอย่างยิ่ง ซึ่งวงจะดำเนินการทางกฏหมายต่อไป”







