"แต๊งค์" ย้ำชัด "แตงโม" ขี้กลัว ด้าน "หมอพรทิพย์" เชื่อไม่ตกท้ายเรือแน่นอน
"แต๊งค์ พงศกร" ย้ำชัด "แตงโม" ขี้กลัว ด้าน "หมอพรทิพย์" เชื่อไม่ได้ตกท้ายเรือ พร้อมออกความเห็นส่วนตัว บาดแผลที่ขาแตงโมโอกาสโดนใบพัดเรือไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์
ยังคงเป็นเรื่องที่หลายคนจับตามองสำหรับคดีการเสียชีวิตของนักแสดงสาว "แตงโม นิดา" ที่ตอนนี้ก็ยังคงจะมีหลักฐา่นใหม่เพิ่มเติมออกมาเรื่อยๆ และไม่มีท่าทีว่าจะจบลงง่ายๆ ซึ่งล่าสุดด้าน "หมอพรทิพย์" ได้ออกมาพูดถึงคดีนี้ว่า ส่วนตัวแล้วคิดว่าขาของนักแสดงสาวมีโอกาสไม่ถึง 1 เปอร์เซนต์ด้วยซ้ำที่ตะโดนใบพัดเรือ ส่วนหนุ่ม "แต๊งค์ พงศกร" ก็ยืนยันคำเดิมว่าแตงโม เป็นคนขี้กลัวมาก การฉี่ท้ายเรือเป็นไปได้ยากที่เขาจะทำ
ภาพจาก ig : melonp.official
ภาพจาก ig : melonp.official
ล่าสุดด้าน "หมอ พรทิพย์" และ "แต๊งค์ พงศกร" ได้เล่าถึงคดี "แตงโม นิดา" ว่า "สิ่งที่ได้เห็นคือบาดแผล แผลกลุ่มแรกแผลต้นขาเปลี่ยนแปลงเพราะเย็บไปแล้วดูอะไรไม่ได้ กลุ่มที่สองคือแผลที่สะเปะสะปะเราไม่รู้ว่าอันไหนแผลเก่าแผลใหม่ แต่กลุ่มที่สามที่เห็นชัดเลยคือแผลถลอกตื้นเป็นแนวที่ต้นขาด้านใน ข้างหลัง เฉียงลงไปถึงน่อง ข้างละ 10 แผล ขนานกันคล้ายก้างปลาเป็นบาดแผลไม่ลึกแค่ผิวๆ อันนี้มีลักษณะเฉพาะที่สามารถบอกได้ว่ากระทบอะไร
คิดอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือฐานเรือว่า แต่ต้องพิสูจน์มีรอยของการกระทบไหม อีกอย่างคือใบพัดเนื่องจากแผลเป็นแนวขนาดกันมันบ่งบอกได้ว่าร่างเคลื่อนที่ผ่านใบพัดค่อนข้างนิ่ง ทีนี้ร่างอยู่ในน้ำมันนิ่งไม่ได้ แสดงว่ากระแสน้ำทำให้เขานิ่ง และกระแสน้ำตรงไหนที่ทำให้ร่างเขานิ่งมันต้องไม่ใช่ท้ายเรือ เพราะถ้าตกท้ายเรือมันจะตวัดมาโดนใบพัดเกิดแผลนิ่งแบบนี้เป็นไปไม่ได้ มันจะโดนใบพัดเต็มๆมันจะต้องเป็นแผลลึก ส่วนบาดแผลใหญ่ที่สุดตรงต้นขา ไม่ขอพูดถึง เพราะเห็นรูปตอนแรกขอบแผลมันเรียบกริบ ส่วนตัวให้ความเห็นว่าโอกาสโดนใบพัดเรือไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์
เราไม่เชื่อคำให้การ แต่ไม่ได้เชื่อแบบอคิติ เราไม่เชื่อว่าเขาไปนั่งฉี่ แต่ต้องเอาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ ส่วนรายงาน ครั้งแรก ไม่ได้ดู เพราะมันอยู่ใน สำนวน และไม่เคยเห็นภาพที่เขานำใบพัดมาจำลองกับศพ ส่วนเรื่องการรายงานจำนวนแผลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าเกิดจากการรายงานไม่ครบถ้วน สำหรับเรื่องยาอัลปราโซแลมไม่ใช่สารเสพติด แต่ขึ้นชื่อสำหรับการมอมคน ไม่ได้ใช้แค่คลายเครียดอย่างเดียว ส่วนเรื่องสารเสพติดถ้าจะตรวจให้ได้ผลจะต้องตรวจจากคนเป็นๆด้วยเลือด และปัสสาวะ จริงๆแล้วเส้นผมเป็นวิธีที่ควรตรวจที่สุด
ด้าน "แต๊งค์ พงศพร" ได้เผยว่า "หลังจากดูตำรวจแถลงปิดสำนวนคดีก็ยังไม่คลี่คลาย หรือตอบข้อสงสัยได้เลย พอมานั่งคิดดูแล้วศพมันบอกอะไรได้หลายอย่าง มันมีข้อพิรุธข้อบกพร่องของตำรวจหลายอย่างที่ไม่ทำงานร่วมกันหลายๆหน่วยงาน ความจริงมันควรเป็นสิ่งที่เปิดเผยได้ เรื่องสารเสพติดก็ยังคงมีข้อสงสัยว่าตั้งแต่วันเกิดเหตุทำไมตำรวจไม่ใช้อำนาจอายัดตัวไว้สอบสวน
ส่วนที่โพสต์กรณียาอัลปราโซแลม เพราะมันเคยมีประเด็นที่คนบนเรือใช้ยามอมผู้หญิง และยาตัวนี้มันก็เป็นยาควบคุม แต่เขามีไว้ในครอบครองมันเสี่ยงที่จะนำไปใช้กับคนอื่น ยิ่งถ้าหาข้อมูลจะพบว่า ใช้คู่กับแอลกอฮอล์จะออกฤทธิ์ได้ดี ดังนั้นควรจะพิจารณาว่าเขาครอบครองยาตัวนี้ไว้ทำอะไรบ้าง ตอนนี้ขอออกตัวเลยว่าคดีนี้ต้องมีคนผิดมาลงโทษ
การที่คนบนเรือขอปฏิเสธการตรวจสารเสพติดตนว่ามันแปลกที่ตำรวจไม่สงสัย ขนาดตนยังสงสัย และสังคมก็สงสัย ตนเชื่อว่า 90 เปอร์เซ็นต์สังคมคิดไปในทางเดียวกันหมด แต่เขาคงมีเหตุผลของเขาที่จะปฏิเสธการตรวจ ทุกวันนี้ยังไม่เชื่อว่าแตงโมตกท้ายเรือ ถ้าคนที่รู้จักแตงโมจริงๆ แตงโมเป็นคนขี้กลัว เขาเป็นคนกลัวอันตราย อะไรที่มันผาดโผนเขาไม่เอาเลย การที่เขาจะไปฉี่ท้ายเรือขณะที่เรือวิ่ง 8 น็อต เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำ"