TNN online บิ๊กอสังหาฯรุก Wellness เทงบ 1.5 แสนล้านบาทตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

TNN ONLINE

TNN Exclusive

บิ๊กอสังหาฯรุก Wellness เทงบ 1.5 แสนล้านบาทตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

บิ๊กอสังหาฯรุก Wellness เทงบ 1.5 แสนล้านบาทตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

เทรนด์การใส่ใจและดูแลสุขภาพมาแรงหลังจากเกิดโควิดทำให้ผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่หลายรายจับมือกับพันธมิตร ขยายไลน์ธุรกิจสร้างพอร์ตกำไรกันคึกคัก ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งค่ายไหนกระหน่ำงบมากน้อยแค่ไหนหาคำตอบ ได้จาก น้ำทิพย์ พรโชคชัย กรรมการผู้จัดการ บจก. AREA Research

ธุรกิจสุขภาพหรือ Wellness Business เป็นเมกะเทรนด์ที่เติบโตได้ดีทั่วโลกสวนกระแสเศรษฐกิจซบเซา โดยเฉพาะหลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19  ภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์หดตัวลงทำให้บริษัทพัฒนาอสังหาฯต้องเร่งปรับรูปแบบสินค้าและบริการผุดโครงการใหม่ ๆ และโมเดลธุรกิจใหม่จากการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจสุขภาพไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลศูนย์ดูแลสุขภาพโครงการอสังหาฯที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมหรือแพลตฟอร์มเทคโนโลยีด้านสุขภาพ Telemedicine เป็นต้น


Wellness เค้กก้อนใหญ่โอกาสของธุรกิจอสังหาฯ


แนวโน้มธุรกิจ Wellness ที่มาแรงทั่วโลกนั้นมีมูลค่าสูงถึง 4.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 145 ล้านล้านบาทในปี 2563 โดยแบ่งออกเป็นหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพความงามการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและอสังหาฯที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม (Wellness Real Estate) ซึ่งเติบโตได้ดี 22% ต่อปี


ขณะที่อุตสาหกรรมการก่อสร้างโดยรวมหดตัวลง -2.5% ต่อปีจากพิษโควิด-19 ในช่วงปีพ.ศ. 2562-2563 ตามรายงานของ Global Wellness Institute โดยปัจจุบันอสังหาฯที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมมีมูลค่าสูงถึง 275 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9 ล้านล้านบาท) ในปี พ.ศ.2563 จากเดิม  148 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.9 ล้านล้านบาท) ในปีพ.ศ. 2560


ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหญ่ไปจนถึงรายเล็กเปิดตัวโครงการอสังหาฯใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพมากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาธุรกิจใหม่ผ่านการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจสุขภาพเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง 


หลายบริษัททุ่มงบประมาณในการลงทุนโครงการสูงเนื่องจากเห็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ตามมายิ่งในภาวะที่ตลาดอสังหาฯหดตัวธุรกิจอสังหาฯจึงต้องปรับตัวให้พร้อมเพื่อเจาะกลุ่ม Real Demand หาตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ส่งผลให้ธุรกิจ Wellness ในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องเปรียบเสมือนเค้กก้อนใหญ่ที่ยังมีผู้เล่นไม่มากนัก


มูลค่าของธุรกิจ Wellness ในวงการอสังหาฯไทยเติบโตแบบก้าวกระโดดหากนับเพียง 8 โครงการจากบริษัทอสังหาฯรายใหญ่ของประเทศก็มีมูลค่ารวมสูงถึง 1.5 แสนล้านบาทแล้วยังไม่รวมโครงการอสังหาฯที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพอื่น ๆ ที่ผู้พัฒนาได้สอดแทรกการดูแลสุขภาพไว้ในรายละเอียดการออกแบบหรือเพิ่มบริการเทคโนโลยีด้านสุขภาพเข้ามาในโครงการไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุโรงแรมทั่วไปที่เพิ่มบริการดูแลสุขภาพและฮอสพิเทลศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจรและเทคโนโลยีด้านสุขภาพทั้งนี้หากนับรวมโครงการเหล่านี้มูลค่าของตลาด Wellness จะใหญ่กว่านี้มาก


ความร่วมมือนำไปสู่รูปแบบธุรกิจใหม่

ที่น่าสนใจคือบริษัทอสังหาฯหลายรายไม่ได้หันมาทำโครงการหรือสร้างโมเดลธุรกิจใหม่เพียงลำพังแต่เกิดจากความร่วมมือกับธุรกิจสุขภาพเช่นโรงพยาบาลคลินิกศูนย์ดูแลผู้สุงอายุต่าง ๆ เพื่อพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ  เริ่มจาก


บริษัทแมกโนเลียควอลิตี้ดีเวล็อปเม้นต์คอร์ปอเรชั่น (MQDC)ผู้พัฒนาโครงการเดอะฟอเรสเทียสซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงถึง 125,000 ล้านบาท โดยมีพันธมิตร Baycrest Global Solutions ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสมองและการดูแลผู้สูงวัยชื่อดังระดับโลกที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 100 ปี จากประเทศแคนาดามาเป็นที่ปรึกษาและสร้างโปรแกรม Health and Wellness Activity ในลักษณะ Preventive Care หรือการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน


ทั้งการลดปัจจัยและความเสี่ยงการเป็นโรคที่มักเกิดขึ้นกับผู้สูงวัย และอีกหลายองค์ความรู้ที่นำมาผนวกเข้ากับการแพทย์ในเมืองไทยและเอเชีย เพื่อสร้างสุขภาพกายและสมองที่แข็งแรงและใจที่เป็นสุขแก่ผู้สูงวัย” เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในโครงการดิแอสเพนทรี The Aspen Tree


 ซึ่งให้บริการในรูปแบบคอนโดผู้สูงอายุอีกด้วยนอกจากนี้ยังจับมือกับเมืองไทยประกันชีวิตออกแบบประกันชีวิต "อีลิทเฮลท์" คุ้มครองสูงสุด 20 ล้านบาทต่อปีตั้งแต่หลังเซ็นสัญญาและช่วงการก่อสร้างโครงการฯและจะเพิ่มความคุ้มครองเป็น 40 ล้านบาทต่อปีเมื่อโครงการฯแล้วเสร็จและโอนสิทธิการเช่าสำเร็จโดยมีความคุ้มครองยาวนานถึงอายุ 99 ปี  สำหรับลูกบ้านโครงการดิแอสเพนทรี




บิ๊กอสังหาฯรุก Wellness เทงบ 1.5 แสนล้านบาทตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

ถัดมาคือ บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หันมาจับธุรกิจสุขภาพเปิดตัวโรงพยาบาลวิมุต ซึ่งเริ่มก่อสร้างช่วงปลายปี 2560 ด้วยงบประมาณ 5,000 ล้านบาทและเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2564 โดยเป็นก้าวแรกของพฤกษาในการทำธุรกิจสุขภาพรับเมกะเทรนด์สุขภาพและสังคมผู้สูงวัยเป็นแหล่งรายได้ประจำใหม่ (Recurring Income) ในพอร์ตของบริษัทที่แต่เดิมเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 100%

 

โดยมีแนวคิดว่าธุรกิจโรงพยาบาลจะเพิ่มมูลค่าให้โครงการที่อยู่อาศัย ด้วยบริการ Nursing Home และโครงการ ViMUT Health Center ที่โครงการ Pruksa Avenue ในย่านบางนา-วงแหวน


ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยใช้งบลงทุนรวม 150 ล้านบาทเพื่อพัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพที่ครอบคลุมบริการที่หลากหลายอาทิคลินิกศูนย์กายภาพศูนย์ดูแลและบริบาลผู้สูงอายุรวมถึงบริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน (Home Health Care) ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2565 โดยปัจจุบันโรงพยาบาลสามารถทำร้านได้ทะลุเปิดเดิม 375 ล้านบาทเป็น 500 ล้านบาทและตั้งเป้าเติบโตราว 15-20% ในปีถัดไป


บิ๊กอสังหาฯรุก Wellness เทงบ 1.5 แสนล้านบาทตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่


ขณะที่ มนทาระฮอสพิตาลิตี้กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจบริการด้านโรงแรมและที่พักระดับ Ultra Luxury เปิดตัวโครงการ “ตรีวนันดา” (Tri Vananda)ในจังหวัดภูเก็ตเป็นโครงการที่พักอาศัย Wellness Community ที่ดีแบบองค์รวมผสานแนวคิด Integrative Wellness Community แห่งแรกของเอเชียเดินหน้าขับเคลื่อน Phuket Medical Hub หนุนไทยก้าวสู่ “ศูนย์กลางด้านดูแลสุขภาพโลก” 


โดยโครงการสร้างบนพื้นที่ 600 ไร่ใช้งบลงทุนราว 6,600 ล้านบาทประกอบด้วย 3 โซนหลักได้แก่โซนที่พักอาศัยรีสอร์ทเพื่อสุขภาพและสวนพฤกษศาสตร์โดยบริษัทใช้พื้นที่ก่อสร้างโครงการในส่วนของสิ่งปลูกสร้างเพียง 15% 


ส่วนพื้นที่ทั้งหมดยังคงเหลือพื้นที่ส่วนใหญ่ ไว้เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและสร้างสมดุลของแก่ระบบนิเวศน์อย่างดีที่สุด โดยเฉพาะทะเลสาบทั้ง 9 แห่งที่โอบล้อมรอบที่พักอาศัยมีระบบไฟฟ้าจากแสงแดดและการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบด้วยกลไกทางธรรมชาติ เพื่อให้สามารถนำน้ำมาใช้ในโครงการและเอื้อประโยชน์ให้กับชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง


ด้านบริษัทซิซซากรุ๊ปจำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment Property) เปิดตัวโครงการ“นาใต้เมดิคอลเซ็นเตอร์แอนด์รีสอร์ท”ศูนย์การแพทย์และความงามระดับเวิลด์คลาสควบคู่รีสอร์ทหรูระดับ 6 ดาวริมหาดส่วนตัวรับแนวโน้มธุรกิจสุขภาพที่มาแรงทั่วโลก


สอดคล้องกับเป้าหมายที่ประเทศไทยจะเป็นเมดิคัลฮับ (Medical Hub) หรือศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติโดยที่ดินแปลงนี้ถูกเทคโอเวอร์จากเจ้าของเดิมและซื้อที่ดินเพิ่มรวม 71 ไร่ริมหาดนาใต้จ.พังงาโดยประเมินงบลงทุนโครงการราว 4.6 พันล้านบาทแบ่งการพัฒนาเป็น 7 โซนประกอบไปด้วย Life Clinic & Well-Being Resort ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพระดับพรีเมียมควบคู่กับรีสอร์ทหรูระดับ 6 ดาวห้องพักและพูลวิลล่ารวมของเดิมทั้งสิ้น 177 ยูนิตนำร่องเปิดปลายปี 2564 เฟสถัดไปคือ "เมดิคัลเซ็นเตอร์" ศูนย์การแพทย์พร้อมบริการผ่าตัดทางการแพทย์และการวินิจฉัยโรคด้วยเทคโนโลยีทันสมัยเวชศาสตร์การกีฬาชะลอวัยบริการ IVF และศูนย์กัญชาบำบัดเป็นต้นคาดแล้วเสร็จทั้งโปรเจกต์ในปี 2568



บิ๊กอสังหาฯรุก Wellness เทงบ 1.5 แสนล้านบาทตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

ฝั่งบริษัทณุศาศิริจำกัด (มหาชน) ชูแผนธุรกิจใหม่สร้างอาณาจักร Medical and Wellness ด้วย 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ โรงพยาบาลแฟรนไชส์แพลตฟอร์มออนไลน์ และผลิตภัณฑ์เพื่อหาตลาดกลุ่มใหม่หลังขาดทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา


ทั้งนี้ณุศาศิริมีประสบการณ์ในธุรกิจสุขภาพมาแล้วในจีนเมื่อปี 63 ที่บริษัทเข้าซื้อแฟรนส์ไชส์โรงพยาบาลจากเยอรมนีเพื่อรุกทำตลาดสุขภาพในประเทศจีนสร้างรายได้และผลกำไรมากกว่า 4 ล้านหยวนในระยะเวลาเพียง 5 เดือน 


จากนั้นจึงต่อยอดเป็นแพลตฟอร์มช่วยแปลภาษาต่างชาติเป็นภาษาจีนและช่วยเรคคอร์ดข้อมูลให้กับลูกค้าที่เข้ารักษาตัวสามารถสื่อสารกับแพทย์ต่างชาติได้ เมื่อธุรกิจโรงพยาบาลในจีนเริ่มอยู่ตัว ณุศาศิริขยายธุรกิจด้วยการเข้าซื้อแบรนด์โรงพยาบาลพานาซีในเยอรมนีและประเทศไทย ซึ่งดำเนินการเข้าซื้อเป็นที่เรียบร้อยและคาดว่าจะสามารถรวมเข้ากลุ่มธุรกิจได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี  64 โดยใช้งบรวมกันกว่า 2,000 ล้านบาท


 นอกจากนี้ณุศาศิริยังมุ่งไปทางด้านการรักษาผู้ป่วยด้วยสารแคนนาบินอยด์ โดยจับมือกับบริษัท CSR จากประเทศจีนทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาทปั้น Medical Technology ลุยธุรกิจ “กัญชากัญชง” ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ


ทั้งการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทุกหมวดทั้งสกินแคร์เครื่องดื่มและอาหารเสริมฯลฯที่มีสารสกัดจากกัญชาและกัญชงผ่านทุกช่องทางทั้งในประเทศและต่างประเทศขณะเดียวกันณุศาศิริยังสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่ที่จะเป็นศูนย์กลางในเรื่องสุขภาพในนาม “ณุศาเทค” โดยใช้ AI วิจัยและเก็บข้อมูลด้านสุขภาพของคนไทยอาทิ “MORHELLO” ที่ดึงกลุ่มแพทย์ทั้งในและต่างประเทศที่มีความสนใจในการรักษาโดยใช้สารแคนนาบินอยด์

บิ๊กอสังหาฯรุก Wellness เทงบ 1.5 แสนล้านบาทตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

ส่วนบริษัทมั่นคงเคหะการจำกัด (มหาชน)ไม่น้อยหน้า ร่วมพันธมิตรศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและชะลอวัยไวทัลไลฟ์โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์และบมจ.ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนลเปิดตัวโครงการ“รักษ” (รัก-ษะ)ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมบนพื้นที่ประมาณ 200 ไร่บนคุ้งบางกะเจ้าสมุทรปราการโดยตั้งเป้าให้เป็น “World Class medical wellness destination” มูลค่าลงทุนโครงการนี้เฉพาะเฟสแรก 2,000 ล้านบาท


โดยในพื้นที่เฟสแรก 60 ไร่ประกอบด้วยวิลล่า 60 หลัง (เปิดให้บริการก่อน 27 หลัง) พื้นที่ศูนย์สุขภาพต่างๆแวดล้อมด้วยทะเลสาบและต้นไม้ส่วนเฟสต่อไปยังอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุนราคาเริ่มต้นที่ 60,000 บาทเป็นแพ็กเกจตรวจสุขภาพพร้อมที่พัก 1 คืนส่วนแพ็กเกจรักษาบำบัดจะมีตั้งแต่ 3-14 คืนขึ้นอยู่กับว่าเป็นโปรแกรมอะไร 


โปรแกรมดูแลสุขภาวะทางเดินอาหารโปรแกรมเสริมภูมิคุ้มกันโปรแกรมควบคุมน้ำหนักโปรแกรมผ่อนคลายความเครียดราคาแพ็กเกจบำบัดเริ่มต้น 180,000 บาทต่อ 3 คืนโครงการนี้เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของบมจ. มั่นคงเคหะที่ต้องการพัฒนาธุรกิจรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มีสัดส่วนกำไรอยู่ที่ 50/50 และเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกๆที่ก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจสุขภาพอย่างเต็มตัว

บิ๊กอสังหาฯรุก Wellness เทงบ 1.5 แสนล้านบาทตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่


บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)ได้พัฒนาโครงการ “ศุภวัฒนาลัย” (Supalai Wellness Valley)หมู่บ้านสำหรับ “สังคมผู้สูงวัย 50+" โดยมีเนื้อที่ขยายจากโรงแรมป่าสักสระบุรีที่มีอยู่ 189 ไร่ บนโค้งแม่น้ำป่าสักโครงการนี้เกิดจากแนวคิดของคุณประทีป ตั้งมติธรรมประธานกรรมการบมจ. ศุภาลัยเพื่อตอบรับสังคมผู้สูงวัยในประเทศไทย เพื่อสร้างต้นแบบของการใช้ชีวิตของสังคมผู้สูงวัยยุคใหม่ที่มีการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์สังคม 


โดยเริ่มต้นยังไม่ได้มองถึงผลทางธุรกิจโครงการศุภวัฒนาลัยใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่มีดั้งเดิมในรีสอร์ทได้แก่ร้านอาหารพื้นที่ออกกำลังกายสวนและสปารวมทั้งเพิ่มบริการพิเศษสำหรับผู้สูงอายุได้แก่มีพยาบาลดูแลรักษาความปลอดภัยสิ่งอำนวยความสะดวกการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงวัยเช่นประตูห้องนอนและห้องน้ำบานเลื่อนมีราวจับแพทย์หรือพยาบาลประจำรองรับเหตุฉุกเฉินพร้อมนำส่งโรงพยาบาลมีกิจกรรมสันทนาการมีการเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีติดตามตัวคอยเรียกได้ตลอด 24ชม ในโครงการมีบ้านพักรวม 144 ยูนิตมูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาทเบื้องต้นจะแบ่งการก่อสร้างเป็น 4 เฟสโดยเฟสแรก 65 ยูนิตพร้อมเข้าอยู่ในปี 63


บริษัทเอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งจำกัด (มหาชน)ผู้เชี่ยวชาญในด้านอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับเดอะแคร์แอนด์เฮลธ์กรุ๊ป ที่มีประสบการณ์ด้านการฝึกอบรมบุคลากรทางด้านสุขภาพที่มีคุณภาพและมาตรฐาน พัฒนาโครงการ “ศิริอรุณแคร์” ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุด้วยงบลงทุน 100 ล้านบาทโดยมี 2 สาขาในกรุงเทพฯและ 1 สาขาในอุบลราชธานีโดยให้บริการดูแลผู้อยู่ในระยะพักฟื้นและผู้สูงอายุเน้นให้บริการด้านสุขภาพแบบองค์รวมทั้งด้านร่างกายและจิตใจโดยการวางแผนการดูแลให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการและสถานะสุขภาพเฉพาะราย


ปิดท้ายที่บริษัทออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้จำกัด (มหาชน)ร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวชพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยไปสู่ “Wellness Residences” สร้างความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวม (Well-being) ผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีการบริการและการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของโครงการหลากหลายรูปแบบ 


พร้อมทั้งจัดเตรียมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการมีสุขภาพที่ดี โดยจะเริ่มนำร่องในกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมหรูภายใต้เครือพาร์คลักชัวรี่ (Park Luxury) อาทิโครงการไนท์บริดจ์สเปซพระราม 4 โครงการโซโหแบงค็อกรัชดารวมถึงโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จอย่างพาร์คออริจิ้นพร้อมพงษ์นอกจากนี้ลูกบ้านทุกโครงการในเครือพาร์คลักชัวรี่จะได้รับบัตร ORIGIN Samitivej Club รับส่วนลดพิเศษเมื่อเข้าใช้บริการที่โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิทและศรีนครินทร์และสามารถเข้าถึงบริการ Samitivej Virtual Hospital ผ่านแอป Origin Connect โดยจะเริ่มในโครงการเบลกราเวียเอ็กซ์คลูซีฟพูลวิลล่าบางนา-พระราม 9 โครงการบ้านจัดสรรแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

 

ธุรกิจสุขภาพ Wellness เป็นที่น่าจับตามองในวงการอสังหาฯของประเทศไทย เพราะอนาคตจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด  ประจักษ์สายตาจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์  Startup ต่างพากันพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่อย่างคึกคัก


นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกลเข้ามาเชื่อมระหว่างที่อยู่อาศัยกับโรงพยาบาลทำให้ประชาชน และผู้ป่วยได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น  โดยติดต่อตรวจสุขภาพสั่งยาจากบ้าน  ซึ่งไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลใหญ่สามารถดูแลรักษาตัวเองจากที่บ้านหรือมีบริการทางการแพทย์เดินทางมาหาเราเองได้ง่าย ๆ  ดังนั้นบ้านที่เราอยู่อาจไม่ได้เป็น แค่ที่อยู่อาศัยโรงแรมไม่ได้เป็นเพียงสถานที่พักผ่อน แต่สามารถให้บริการด้านสุขภาพและบริการทางการแพทย์เบื้องต้นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ไกลตัวเลยแต่กำลังมาแรงในประเทศไทยรับยุคนิวนอร์มอล


 ที่มา  น้ำทิพย์ พรโชคชัย  กรรมการผู้จัดการ บจก. AREA Research

ภาพประกอบ  พิกซาเบย์, ณุศาศิริ,ศุภาลัย  ,พฤกษาเรียลเอสเตท  ,มนทาระฮอสพิตาลิตี้กรุ๊ป 

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง