TNN online ประเด็นร้อนบอลไทย : '4 เหตุผล' ท่าเรือไม่ปลด 'โค้ชอู๊ด'

TNN ONLINE

ไทยลีก

ประเด็นร้อนบอลไทย : '4 เหตุผล' ท่าเรือไม่ปลด 'โค้ชอู๊ด'

ประเด็นร้อนบอลไทย : '4 เหตุผล' ท่าเรือไม่ปลด 'โค้ชอู๊ด'

ประเด็นร้อนบอลไทย ฉบับที่ 47 พาไปดู 4 เหตุผล ว่าเป็นเพราะอะไร การท่าเรือ ยังเลือกไม่ปลด โค้ชอู๊ด ทั้งที่ผลงานย่ำแย่ไม่ชนะใครมา 5 นัดติด

ประเด็นร้อนบอลไทย กลับมาในฉบับที่ 47 กับเรื่องราวร้อนๆของ การท่าเรือ เอฟซี หลังลงเล่นนัดที่ 22 ด้วยการบุกไปแพ้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 1-2 อย่างสุดชอกช้ำ ทำให้พวกเขาไม่ชนะใคร 5 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้ว โอกาสลุ้นแชมป์น่าจะหมดลงอย่างเป็นทางการ แม้ในทางทฤษฏี ยังเป็นไปได้ก็ตาม


ผลงานอันพินาศของ สิงห์เจ้าท่า เริ่มตั้งแต่ แพ้ บุรีรัมย์ 1-2 (เหย้า) , แพ้ โปลิศ เทโร 0-2 (เยือน) , แพ้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 1-2 (เยือน) , เสมอ ตราด 0-0 (เหย้า) , แพ้ เมืองทอง 1-2 (เยือน) ตอนนี้พวกเขามี 41 แต้ม จาก 22 นัด ตามหลัง บีจี ปทุมฯ ทีมจ่าฝูงอยู่ไกลถึง 16 แต้ม และยังแข่งมากกว่า 1 นัด ยิ่งหากเทียบฟอร์มกับทุกทีมใน 5 นัดหลังสุด พวกเขามีคะแนนมากกว่า ระยอง เอฟซี ทีมอันดับสุดท้าย ที่แพ้รวดเพียงทีมเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีแพ้การดวลจุดโทษต่อ บุรีรัมย์ ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ตกรอบไปเป็นที่เรียบร้อย ทั้งที่เป็นแชมป์เก่า


อย่างไรก็ตาม "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรคนสวยของทีม ได้ออกมาพูดหลังเกมแพ้ เมืองทองฯ เป็นที่เรียบร้อย ว่าจะยังไม่เปลี่ยนโค้ช หรือ หัวหน้าผู้ฝึกสอนในเวลานี้ ยังไว้วางใจ "โค้ชอู๊ด" สระราวุฒิ ตรีพันธ์ ได้ทำงานต่อไป ท่ามกลางความสงสัยของเหล่าแฟนบอล เนื่องด้วยปกติแล้ว ท่าเรือ เป็นทีมที่คิดเร็วทำเร็ว แพ้สองสามนัดติด ถึงกับเปลี่ยนก็ทำมาแล้ว แต่เหตุใด โค้ชอู๊ด ที่กำลังพาทีมดิ่งลงแบบไม่หยุดตอนนี้ จึงยังได้โอกาสให้ทำงานต่อ เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจและหาคำตอบเป็นอย่างยิ่ง 


ผมจึงพยายามไปนอนคิด ว่ามันมีเหตุผลประการใด ที่ทำให้ "โค้ชอู๊ด" ยังได้ทำงานกับท่าเรือต่อ ซึ่งสามารภแบ่งออกมาได้ 4 ข้อ ดังนี้


ข้อแรก : เปลี่ยนไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์

ต้องบอกเลยว่าการที่ ท่าเรือ จะเปลี่ยนโค้ชในช่วงเวลานี้ มันไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอกครับ เพราะพวกเขาเหลือโปรแกรมอีก 8 นัดสุดท้าย แชมป์ไม่ต้องลุ้น , บอลถ้วยก็ตกรอบไปแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดที่จะสามารถทำได้ในตอนนี้ คือรักษาอันดับ 2 ให้ได้จนจบฤดูกาล เพื่อคว้าสิทธิ์ไปเล่น ACL รอบเพลย์ออฟในปี 2022 ให้ได้ ด้วยเป้าหมายเพียงเท่านี้ ต่อให้เปลี่ยนโค้ชในเวลานี้ มันก็คงไม่สามารถแก้อะไรไปได้มากกว่านี้ อีกทั้งโปรแกรมการแข่งขันที่ค่อนข้างอัดแน่น มาตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. มีเตะสุดสัปดาห์ - กลางสัปดาห์ ตลอด เหลืออีกเพียง 1 เดือนนิดๆ การแข่งขันก็จะจบลงแล้ว จึงไม่ใช่เวลาที่ สิงห์เจ้าท่า ควรเปลี่ยนโค้ชในเวลานี้


ข้อสอง : เห็นแก่ช่วงเวลาดีๆที่ "โค้ชอู๊ด" เคยทำให้

แน่นอนครับ อย่างที่ "มาดามแป้ง" ได้ให้สัมภาษณ์ไปว่า ไม่เปลี่ยนในช่วงเวลานี้แน่นอน แม้จะไม่ชนะใครมาแล้ว 5 นัดติดต่อกันในลีก แต่อย่าลืมนะครับ ว่าช่วงที่ โค้ชอู๊ด เข้ามาทำงานเต็มตัวแรกๆ มีแต่เสียงครหา ว่ามือไม่ถึง แต่กุนซือหนวดงามดีกรีโปรไลเซนส์คนนี้ ก็เคยพาทีมชนะ 10 นัดรวดติดต่อกันในลีกมาแล้ว พาทีมจบอันดับที่สองในช่วง 15 นัดแรก ทั้งที่ตอนแรก ท่าเรือ ดูเหมือนจะหลุดวงโคจรไปแล้วด้วยซ้ำไป ในช่วงที่แพ้สองนัดรวดหลังกลับมารีสตาร์ทในเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว นี่คือความยอดเยี่ยมที่เขาเคยทำให้ อีกทั้งยังเป็นคนที่อยู่กับ มาดามแป้ง มานาน ตั้งแต่สมัยมาเป็นผู้ช่วยของ โค้ชโชคทวี พรหมรัตน์ จนคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2019 นี่จึงอาจเป็นอีกสิ่งที่ทำให้ทีมยังเห็นแก่ช่วงเวลาดีๆตรงนี้ก็เป็นได้


ข้อสาม : ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน

ผมมองว่าผลงานย่ำแย่ของ การท่าเรือ ในช่วงที่ผ่านมา ไม่ใช่ความผิดของ โค้ชอู๊ด เพียงคนเดียวนะ ทุกฝ่ายคงต้องรับผิดชอบร่วมกัน ไล่ตั้งแต่บอร์ดบริหาร ในการซื้อตัว ดึงผู้เล่นเข้ามาเติม การเสีย เฮแบร์ตี้ ออกจากทีม ก็น่าจะมีผลต่อเกมรุกพอสมควร เพราะตัวที่ได้เข้ามาทนแทน คือ ยานนิค โบลี่ ที่จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งออกมาได้เลย แม้จะเคยยิงประตูชัยในช่วงท้ายเกมก็ตาม แต่โดยรวมถือว่ายังไม่ผ่าน นอกจากตัวอย่าง โบนีญ่า ที่ทำท่าจะดี ก็กลายเป็นว่าเล่นไม่ออก เมื่อถูกคู่แข่งรุมประกบในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ภาระหนักต้องตกไปอยู่ที่ เซร์คิโอ ซัวเรซ คนเดียว ส่วนแนวรับ ก็ถือว่าเป็นจุดบอดโดยแท้ เนื่องด้วยตัวอย่าง อดิศร พรหมรักษ์ และ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ พากันเจ็บ ตัวหลักที่ใช้กลายเป็น เอเลียส ดอเลาะ กับ วรวุฒิ นามเวช ซึ่งยังดูไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร จึงเป็นที่มาของทุกคนที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ใช่โค้ชอู๊ดเพียงคนเดียว


ข้อสุดท้าย : โปรแกรม 5 นัดต่อไปไม่หนักแล้ว

พูดกันตรงๆ ใน 5 นัดหลังของท่าเรือ ที่ไม่ชนะ ก็มีเกมหนักถึงสามนัด ทั้งเจอกับ บุรีรัมย์ , เยือน บีจี และ เยือน เมืองทองฯ แต่หลังจากนี้อีก 5 นัด น่าจะเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาน่าจะเก็บแต้มได้มากขึ้นอย่างแน่นอน ไล่ตั้งแต่ ระยอง (เหย้า) , พีที ประจวบ (เยือน) , ทรู แบงค็อกฯ (เหย้า) , สุพรรณบุรี (เยือน) และ ชลบุรี (เหย้า) ซึ่งน่าจะเป็นจังหวะที่ การท่าเรือ มีเวลาเรียกโมเมนตั้มของตัวเองกลับมา คว้าคะแนนในช่วงนี้ และยาวไปจนจบฤดูกาลได้ ไม่ยากเท่าไหร่นัก เนื่องจากโปรแกรมหนักๆของพวกเขาใกล้หมดแล้ว


และนี่ก็เป็น เหตุผลทั้ง 4 ข้อ ที่ผมมองว่าทำให้ การท่าเรือ ยังไม่รีบเปลี่ยนแปลงหัวหน้าผู้ฝึกสอนในเวลานี้ แต่ผมก็เชื่อนะว่าเมื่อจบฤดูกาล พวกเขาน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแม่ทัพในการลุย ACL 2021 รอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรอย่างแน่นอน


NickyMAN (นิก ธีร์ธวัช)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง