ลู่วิ่งม่วงครั้งแรกในโอลิมปิก มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทำให้วิ่งเร็วขึ้น

ลู่วิ่งสีม่วงครอบคลุมพื้นที่ 21,000 ตารางเมตร สร้างขึ้นมาเพื่อความสวยงามและทำให้ถ่ายทอดสดเห็นนักกีฬาชัดขึ้น แต่ด้านในซ่อนเทคโนโลยีที่อาจช่วยให้นักกีฬาทำลายสถิติการแข่งขัน

ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2024 ณ กรุงปารีส ลู่วิ่งสำหรับการแข่งขันกรีฑาจะมีสีม่วงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โอลิมปิก พัฒนาโดยบริษัทผู้ผลิตพื้นผิวกีฬาและอุปกรณ์กีฬาสัญชาติอิตาลีอย่างมอนโด (Mondo) ซึ่งทำลู่วิ่งให้โอลิมปิกมาตั้งแต่ปี 1976

โดยลู่วิ่งล่าสุดนี้เรียกว่ามอนโดแทร็ก อีบี (Mondotrack EB) ลู่วิ่งจะครอบคลุมพื้นที่ 21,000 ตารางเมตร ซึ่งจะใช้ในการแข่งขันกรีฑาจำนวน 46 รายการ จากทั้งหมด 48 รายการ ณ สนามกีฬาสแตด เดอ ฟรองซ์ (Stade de France) ซึ่งเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ทั้งนี้เหตุผลที่ลู่วิ่งเป็นสีม่วง เป็นเหตุผลของความสวยงามเป็นหลัก เนื่องจากสีหลักที่ใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปีนี้คือ สีม่วง สีน้ำเงิน และสีเขียว แต่ทั้งนี้อีกหนึ่งเหตุผลคือเมื่อมีการถ่ายทอดสด จะทำให้เห็นนักกีฬาชัดเจนขึ้น ตามคำบอกเล่าของ อแล็ง บลองเดล หัวหน้าฝ่ายกรีฑาและพารากรีฑาของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

โดยสีม่วงของลู่วิ่งจะแบ่งออกเป็น 3 เฉดสี ได้แก่ สีม่วงลาเวนเดอร์สำหรับลู่วิ่ง สีม่วงเข้ม สำหรับพื้นที่บริการ และสีเทาสำหรับส่วนโค้งภายนอก ทั้งนี้สำนักข่าว BBC รายงานว่าแม้กระทั่งกาวที่ใช้ยึดลู่วิ่งเข้ากับฐานยางมะตอยก็ยังเป็นสีม่วงด้วย

ลู่วิ่งม่วงครั้งแรกในโอลิมปิก มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทำให้วิ่งเร็วขึ้น

นอกเหนือจากเรื่องสีสันแล้ว ลู่วิ่งในปีนี้ยังมีการพัฒนาขึ้นมาด้วยนวัตกรรมใหม่ด้วย โดย Mondo ได้มีการปรับปรุงวัสดุโพลีเมอร์ในการทำลู่วิ่งเพิ่มเติมจากที่เคยนำไปใช้ในโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2020 - 2021 อีกทั้งยังได้ใช้อัลกอริทึมคอมพิวเตอร์เพื่อปรับแต่งรูปร่างและขนาดที่เหมาะสมของฟองอากาศภายในชั้นล่างของลู่วิ่งเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยดูดซับและดีดกลับพลังงานไปยังจุดที่เหมาะสมต่อการเคลื่อนไหวของนักกรีฑา โดยตัวแทนของบริษัท Mondo กล่าวว่าลู่วิ่งนี้จะทำให้นักกรีฑาวิ่งได้เร็วกว่าลู่วิ่งที่ใช้ในกรุงโตเกียวประมาณร้อยละ 2 ทั้งนี้ยังต้องรอดูว่าลู่วิ่งจะส่งผลต่อนักกรีฑาอย่างไรบ้าง แต่ผู้สร้างมั่นใจว่าจะมีการทำลายสถิติเกี่ยวกับกรีฑาในประเภทต่าง ๆ ได้

ส่วนยางก็ได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า วัลคาไนซ์ (Valcanization) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ปรับปรุงคุณภาพของยาง ทำให้มีความทนทาน ยืดหยุ่น และทนความร้อนได้ดีขึ้น ดังนั้นยางจึงยึดเกาะและมีแรงเสียดทานที่ดี เหมาะสำหรับวีลแชร์ของนักกีฬาพาราลิมปิกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น ลู่วิ่งสีม่วงนี้ก็ยังผลิตขึ้นมาแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยเพราะใช้ส่วนประกอบจากธรรมชาติ คือมีส่วนผสมของเปลือกหอย 2 ฝา เช่น หอยแมลงภู่และหอยแครง โดย Mondo ได้จับมือกับบริษัทเพาะเลี้ยงหอยแมลงภู่อย่างนีดดิทัส (Nieddittas) เพื่อจัดเตรียมเปลือกหอยที่ทำความสะอาดแล้วไว้ให้ ทั้งนี้เปลือกหอยเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต สามารถนำมาบดเป็นผงแล้วนำไปผสมกับวัสดุของลู่วิ่งได้ ดังนั้นจึงถือว่าเป็นการนำวัสดุเหลือใช้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ แทนที่จะฝังกลบเหมือนปกติ โดยรวมแล้วส่วนประกอบของลู่วิ่งในงานโอลิมปิกครั้งนี้ ทำมาจากวัสดุรีไซเคิลประมาณร้อยละ 50 ซึ่งสูงกว่าลู่การแข่งขันกรีฑาที่กรุงลอนดอนเมื่อปี 2012 ประมาณร้อยละ 30 ตามการรายงานของจอร์จ เลอเซจ (Giorgio Lesage) ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืนและนวัตกรรมของบริษัท Mondo

ทั้งนี้ไม่เพียงแต่ลู่วิ่งเท่านั้นที่มีสีม่วง แต่ถ้าสังเกตจาการถ่ายทอดสด ก็จะเห็นว่ากีฬาประเภทอื่น ๆ ก็มักจะมีองค์ประกอบอื่น ๆ เป็นสีม่วงเช่นกัน

ลู่วิ่งม่วงครั้งแรกในโอลิมปิก มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทำให้วิ่งเร็วขึ้น