ยาหยอดตา ‘พันธุกรรมบำบัด’ รักษาดวงตาผู้ป่วยโรคดักแด้ กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง

ยาหยอดตา ‘พันธุกรรมบำบัด’ รักษาดวงตาผู้ป่วยโรคดักแด้ กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง

สรุปข่าว

นับเป็นข่าวดีของวงการแพทย์อีกครั้ง เมื่อ ดร.อัลฟองโซ่ ซาบาเตอร์ ผู้อํานวยการศูนย์ทดลองนวัตกรรมคอร์เนียล (Corneal Innovation Lab) สถาบันทางตาบาสคอม พาล์มเมอร์ (Bascom Palmer Eye Institute) มหาวิทยาลัยสาธารณสุขไมอามี (University of Miami Health System) สหรัฐฯ พัฒนายาหยอดตาที่ช่วยรักษาแผลพุพองบริเวณดวงตาได้ถึงระดับพันธุกรรม ช่วยให้เด็กหนุ่มวัย 14 ที่ป่วยเป็นโรคดักแด้และมีภาวะตาบอดตามกฎหมายให้กลับมามองเห็นอีกครั้ง


จุดเริ่มต้นของความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ซาบาเตอร์พยายามที่จะรักษาแอนโตนิโอ เวนโต คาร์วาจาล เด็กชายวัย 14 ปี ซึ่งเกิดมาพร้อมอาการดิสโทรปิก เอดิเดอร์โมไลสิส บูลโลซา (Dystrophic Epidermolysis Bullosa: DEB) หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “โรคดักแด้” ซึ่งเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมที่เกิดขึ้นได้ยาก มีสาเหตุจากการกลายพันธุ์ของยีน COL7A1 ที่ช่วยผลิตโปรตีนคอลาเจน ส่งผลให้เกิดแผลพุพองทั่วร่างกายและในดวงตาของเขา 


โดยแนวทางในการพัฒนายาหยอดตานี้เกิดจากการต่อยอดแผ่นเจลบำบัดทางพันธุกรรม (Gene therapy) ในการรักษาตุ่มพองเฉพาะทางตัวแรกของโลกที่ได้รับการอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 


แผ่นเจลตัวนี้ซึ่งมีชื่อว่า ‘วีจูเวก (Vyjuvek)’ ถูกออกแบบมาตามหลักการพันธุกรรมบำบัด หรือเทคนิคการรักษาโรคโดยการแก้ไขความผิดปกติทางพันธุกรรมด้วยการเปลี่ยนแปลงหรือการใส่ยีนที่ปกติเข้าไปทดแทนยีนที่ผิดปกติ เพื่อรักษารอยแผลฝังลึก โดยเฉพาะแผลจากตุ่มพองของโรค DEB 


การทำงานของแผ่นเจลนี้จะใช้ไวรัสเริมที่ตายแล้วมาเป็นตัวกลางในการส่งสำเนาพันธุกรรม COL7A1 ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของโรค DEB ไปยังเนื้อเยื่อที่ทีบาดแผลโดยตรง และช่วยกระตุ้นการผลิตโปรตีนคอลลาเจนที่ที่จําเป็นในการฟื้นฟูผิว โดยแผ่นเจลบำบัดวีจูเวกผ่านการทดสอบทางคลินิกมาถึง 2 ครั้ง และมีรายงานผลการทดลองทางคลินิกระยะ 3 ว่ามีการตอบสนองกับเด็ก ๆ ที่ป่วยด้วยโรค DEB อย่างยอดเยี่ยมเมื่อปลายปี 2022 


ซาบาเตอร์ทราบว่า คาร์วาจาลเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทดลองการรักษาด้วยแผ่นเจลบำบัดที่ทำให้ผิวหนังของเขาดีขึ้น จึงได้ต่อยอดด้วยการติดต่อบริษัทคริสตัล ไอโอเทค (Krystal Biotech) ผู้ผลิตเจลดังกล่าว เพื่อพัฒนายาหยอดตาด้วยเทคโนโลยีเดียวกันในการรักษาดวงตาของเด็กหนุ่ม


หลังจากการพัฒนายาหยอดตาพันธุกรรมบำบัดเป็น 2 ปี ซึ่งรวมถึงการทดสอบยาในหนู สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) รวมถึงคณะกรรมการตรวจสอบของมหาวิทยาลัยสาธารณสุขไมอามี ก็ได้อนุมัติตัวยาดังกล่าว ซึ่งมีประประสิทธิภาพในการรักษาดวงตาของคาร์วาจาล


เขาเริ่มรับการหยอดตาตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วหลังจากที่เข้ารับการผ่าตัดที่ตาข้างขวา รวมถึงตาข้างซ้ายที่เริ่มรักษาด้วยวิธีการเดียวกันในปีนี้ โดยคาร์วาจาลจะเดินทางไปยังสถาบันทางตาบาสคอม พาล์มเมอร์เพื่อรับยาหยอดตาพันธุกรรมบำบัดเดือนละครั้งและไปติดตามผลแทบทุกสัปดาห์ ซึ่งดวงตาของเขาตอบสนองตาอตัวยาได้ดีและช่วยให้คาร์วาจาลใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเด็กทั่วไป 


นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่ยาหยอดตานี้จะฟื้นฟูการมองเห็นของคาร์จาวาลเท่านั้น แต่ยังเปิดประตูสู่การรักษาให้กับผู้คนนับล้านที่ป่วยด้วยโรคทางตาอื่น ๆ ทั้งโรคที่รักษาได้ยากและอาการทั่วไปเช่นกัน โดยซาบาเตอร์กล่าวว่า ยาหยอดตายีนบําบัดสามารถใช้กับโรคอื่น ๆ ด้วยการใช้ไวรัสเป็นตัวกลางในการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมที่บกพร่อง เช่น โรคกระจกตาเสื่อมที่สืบทอดทางพันธุกรรม อย่าง Fuch's Dystrophy ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คน 18 ล้านคนในสหรัฐฯ


ที่มาของข้อมูล APnews

ที่มาของรูปภาพ APnews


ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

แท็กบทความ

corneal innovation lab
innovation
fda
ยาหยอดตา
tnntechreportstnntech
Thailand Web Stat
ข่าวเด่นวันนี้
Icon