TNN online ชวดถ้วยยุโรปสองปีซ้อน! เจาะ 3 เหตุผล ลิเวอร์พูลเผด็จศึกมาดริดไม่ได้

TNN ONLINE

กีฬา

ชวดถ้วยยุโรปสองปีซ้อน! เจาะ 3 เหตุผล ลิเวอร์พูลเผด็จศึกมาดริดไม่ได้

ชวดถ้วยยุโรปสองปีซ้อน! เจาะ 3 เหตุผล ลิเวอร์พูลเผด็จศึกมาดริดไม่ได้

TNNSPORTS พาไปวิเคราะห์ 3 เหตุผล ที่พลพรรค หงส์แดง ไม่สามารถพังประตูใส่ ราชันชุดขาวได้ ทั้งที่เล่นดีกว่าและมีโอกาสหลายครั้งในเลกที่สองของศึก ชปล. รอบก่อนรองฯ ทำให้พวกเขากระเด็นตกรอบเรียบร้อย

จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ เกมฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในรอบก่อนรองชนะเลิศ หรือ รอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยคู่บิ๊กแมตช์ ระหว่าง ลิเวอร์พูล ดวลกับ เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นการแข่งขันที่แฟนบอลชาวไทยให้ความสนใจกันมากที่สุด กลายเป็นทางด้านของ ราชันชุดขาว ทีมแกร่งจากสเปน ดีกรีแชมป์ยุโรป 13 สมัย สามารถตีตั๋วเข้ารอบรองชนะเลิศไปได้ หลังเก็บชัยที่บ้านตัวเอง 3-1 ก่อนจะบุกมายันเสมอ หงส์แดง ในเลกที่สอง ด้วยสกอร์ 0-0 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ทำให้เข้ารอบไปอย่างไม่ยากเย็น


เกิดอะไรขึ้นบ้างในเกมที่พลพรรค หงส์แดง ต้องการชนะด้วยสกอร์ 2-0 ก็จะเพียงพอต่อการเข้ารอบ ซึ่งก่อนเกม ยังมีกลุ่มแฟนบอลที่เชื่อมั่นในปาฏิหารย์ ว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ปี 2019 พวกเขาเคยตามหลัง บาร์เซโลนา ก่อนในเลกแรก 0-3 แต่กลับมาเปิดรัง แอนฟิลด์ ถล่มยับ 4-0 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะคว้าแชมป์ไปอย่างเหลือเชื่อในปีนั้น 


ทีมงาน TNNSPORTS จะวิเคราะห์ 3 เหตุผลที่ทำให้ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเจาะตาข่าย มาดริด ที่อยู่ในสภาพพิการได้ก่อนจะตกรอบไปอย่างชอกช้ำ ดังนี้

เหตุผลแรก : แนวรับ เรอัล มาดริด เล่นได้อย่างสุดยอด

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตลอดสองเลก เรอัล มาดริด ที่ไม่มีสองเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวจริง ทั้ง เซร์คิโอ รามอส และ ราฟาเอล วาราน จะมีเกมรับที่เหนียวแน่นขนาดนี้ เนื่องจาก เอแดร์ มิลิเตา รวมไปถึง นาโช่ เฟร์นานเดซ เล่นร่วมกันน้อยมากในซีซั่นนี้ ยิ่งรายแรก มีโอกาสลงสนามในเกมลีกเพียง 6 นัดเท่านั้น แต่ตลอด 180 นาที ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงตรงกรอบรวมกันแค่ 5 ครั้ง ได้มา 1 ประตูเท่านั้น สองผู้เล่นอย่าง มิลิเตา และ นาโช่ สามารถจัดการกับแผงแนวรุกของหงส์แดง ได้แบบอยู่หมัด โดยเฉพาะเลกที่สอง แทบจะไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็นเลยด้วยซ้ำ


เหตุผลที่สอง : แนวรุก ลิเวอร์พูล ยังคงทื่อ โดยเฉพาะ ซาดิโอ มาเน่

เป็นปัญหาที่ ลิเวอร์พูล เจอมาตลอดตั้งแต่ช่วงปีใหม่เป็นต้นมา เนื่องด้วยกองหน้าระดับพระกาฬของพวกเขา ทั้ง โม ซาลาห์ , โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ พากันฝืดหนัก เป็นสิ่งที่เข้ามาสร้างความปวดหัวให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ อย่างมาก แค่เรื่องแนวรับเจ็บ ก็ปวดร้าวจะตายอยู่แล้ว ความหวังของทีมต้องตกไปอยู่กับ ดิโอโก้ โชต้า เป็นส่วนใหญ่ในระยะหลัง แต่ก็ต้องออกสตาร์ทจากม้านั่งสำรองในเลกที่สอง ลงมาในช่วงครึ่งหลัง ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ยิ่งมองไปถึง มาเน่ ถือว่าอาการหนักมาก เพราะมีทั้ง เลี้ยงไม่ผ่าน , จ่ายบอลเสียง่ายๆ พอมีโอกาสยิงประตู ก็ไม่ใกล้เคียงเท่าไหร่นัก นับเป็นฟอร์มการเล่นที่ดร็อปลงไปอย่างแท้จริง โดยฤดูกาลนี้ เขาเพิ่งยิงไปเพียง 12 ประตู จากการลงเล่น 41 นัดรวมทุกรายการเท่านั้นเอง


เหตุผลที่สาม : เจอรถบัสมาดริดเล่นงาน

ทีมอย่าง เรอัล มาดริด คู่ควรแก่คำว่า "ราชายุโรป" จริงๆ เนื่องด้วยมีวิธีการเล่นที่เป็นเลิศมาก พวกเขามีความได้เปรียบด้วยสกอร์ที่นำห่าง 3-1 จึงไม่มีความจำเป็นต้องมาเปิดเกมแลกกับ ลิเวอร์พูล หมากของ ซีเนดีน ซีดาน รับลึก อาศัยจังหวะโต้กลับ คล้ายๆกับหลายทีมในพรีเมียร์ลีก ที่มาเล่นที่นี่ แล้วได้ผลเสมอหรือชนะกลับไป ทั้ง ไบรท์ตัน , เบิร์นลี่ย์ หรือ ฟูแล่ม แต่คลาสของพวกเขา ยอดเยี่ยมกว่าหลายๆทีมที่เคยมาเก็บแต้มออกไปจากที่นี่ จึงทำให้ไม่มีปัญหาในเกมเล่นเพื่อผลการแข่งขัน ยิ่งการไม่มี ลูคัว บาซเกวซ ที่ไม่พร้อมเพิ่มไปอีกในตำแหน่งแบ็คขวา แต่การส่ง เฟดริโก้ บัลเบรเด้ ลงไปเล่นแทน กลับยิ่งแน่นมากขึ้นไปอีก เพราะแข้งรายนี้ถนัดเกมรับเป็นทุนอยู่แล้ว 


และนี่ก็คือ 3 เหตุผลของ ลิเวอร์พูล ที่เจาะกำแพงเกมรับของ เรอัล มาดริด ไม่เข้าในเลกที่สอง ทำให้ต้องตกรอบไปตามระเบียบ นั่นหมายความว่าพวกเขากำลังจะอดคว้าแชมป์ ยุฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกันแน่นอนแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง