ใช้รังบุรีรัมย์! 'ส.บอล' เตรียมยื่น 'เอเอฟซี' ขอจัดคัดบอลโลกสนามกลางกลุ่มจี
สมาคมฟุตบอลฯ เตรียมขอ ศบค. ก่อนยื่นเรื่องถึง เอเอฟซี ขอจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม จี ในเกมที่เหลือ โดยใช้ จ.บุรีรัมย์ เป็นสนามกลาง
วันนี้ (21 ม.ค. 64) จากกรณีที่ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ส่งหนังสือถึงชาติสมาชิก พร้อมแจ้งกำหนดให้การแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 2 ต้องเสร็จสิ้นภายในเดือน มิ.ย.64 แต่เนื่องจากโรคติดเชื้อโควิด-19 ยังแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ประเทศสมาชิกที่ร่วมแข่งขัน มีความจำเป็นต้องหาสนามกลาง สำหรับใช้ในการจัดการแข่งขัน เพื่อหาทีมเข้าแข่งขันฟุตบอลโลก ในห้วงระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-15 มิ.ย.64
ล่าสุด นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยหลังการประชุมติดตามการดำเนินงานป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในประเทศ และภายในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อ 20 ม.ค. ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เสนอชื่อจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเซีย กลุ่ม G รอบ 2 โดยจัดระบบปิด และใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวดตั้งแต่ต้นทาง ในตลอดระยะเวลาจัดการแข่งขัน
ทั้งนี้ สมาคมลูกหนังเห็นว่า จ.บุรีรัมย์ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดที่กำหนด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด มีโครงสร้างพื้นฐาน สนามบิน โรงแรมที่พัก สิ่งอำนวยความสะดวกเหมาะสม และยังเคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี
ด้าน นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯได้ให้นโยบายถึงการเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน หากว่า เอเอฟซี ความต้องการ จะได้มีข้อมูลไปให้พิจารณาได้ ซึ่งสมาคมฯ กำลังทำหนังสืออย่างเป็นทางไปถึงจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อให้ดำเนินการเตรียมความพร้อมเรื่องนี้
"อย่างไรก็ดีต้องถือว่า จ.บุรีรัมย์ เป็นสถานที่ที่เหมาะสมหากจำเป็นที่จะต้องเป็นสนามกลาง เนื่องจากง่ายในการทำ บับเบิ้ล หรือสถานที่ที่ควบคุมการแข่งขันให้อยู่ในพื้นที่เดียวกันภายใต้มาตรการป้องกันโรคได้สะดวกที่สุด อันประกอบไปด้วย การเดินทาง ที่พัก และสนามแข่งขัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ภายในบริเวณเดียวกัน และจะต้องเพียงพอต่อการรองรับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ รวมถึงมาตรการควบคุมโรคที่จะเข้ามาร่วมการแข่งขันทั้งหมดด้วย" เลขาฯส.บอล กล่าว