TNN online "เสี่ยปาน 30 ล้าน" เสียชีวิตแล้ว หลังต่อสู้มะเร็งระยะสุดท้าย

TNN ONLINE

Social Talk

"เสี่ยปาน 30 ล้าน" เสียชีวิตแล้ว หลังต่อสู้มะเร็งระยะสุดท้าย

เสี่ยปาน 30 ล้าน เสียชีวิตแล้ว หลังต่อสู้มะเร็งระยะสุดท้าย

"เสี่ยปาน 30 ล้าน" เสียชีวิตแล้ว ด้วยโรคมะเร็งทวารหนัก ระยะสุดท้าย โดยแพทย์ลงความเห็นว่า ติดเชื้อในกระแสเลือด



ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานีว่าเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 นายยงยุทธ แก้วสวนจิก อายุ 45 ปี หรือ เสี่ยปาน  ชาว อ.หนองหาน จ.อุดรธานี หนุ่มดวงเฮงถูกหวยรางวัลที่ 1 ประจำงวดวันที่ 16 กันยายน 2558 หมายเลข 743148 จำนวน 5 ใบ  30 ล้าน กลายเป็นเศรษฐีทันที ต่อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เสี่ยปานได้เปิดเผยว่า ป่วยเป็นมะเร็งทวารหนักระยะที่ 4 ต่อมาเสี่ยปานได้เสียชีวิตเมื่อเวลา 08.43 น.ของวันนี้หลังจากเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งระยะสุดท้าย 2 โดยแพทย์ลงความเห็นว่าติดเชื้อในกระแสเลือด และนำศพมาฌาปนกิจทันทีที่เมรุวัดสร้างแข้ หมู่ 11 ต.หนองหาน จ.อุดรธานี ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลหนองหานแห่งที่ 2 โดยญาติได้นิมนต์พระ 4 รูปมาทำพิธีฌาปนกิจ เจ้าหน้าที่ได้สวมชุด PPE ยกโลงศพเข้าเมรุเผาแบบเรียบง่าย เนื่องจากมีภาวะเสี่ยงโควิด


ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 329 หมู่ 7 บ้านหนองบ่อ ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่เสี่ยปานเคยมาช่วยพี่ชาวเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยว ญาติได้ช่วยกันทำความสะอาดบ้าน เตรียมจัดงานสวดอภิธรรม ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยนางสุธารี แก้วสวนจิก อายุ 46 ปี พี่สาวนายยุทธนา หรือเสี่ยปาน เปิดเผยว่า เสี่ยปานเข้าโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2565 และรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตลอด ออกจากโรงพยาบาลได้ 1 สัปดาห์ ได้กลับเข้าไปอีกเพราะหมอได้นัดเข้าไปตรวจ และนอนโรงพยาบาลรวม 14 วันก็เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ได้นำศพออกมาฌาปนกิจทันที เพราะตอนเข้าไปโรงพยาบาลเสี่ยงต่อโควิด ซึ่งเสี่ยปานมีพี่น้องรวม 6 คน ผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 3 คน เสี่ยปานเป็นคนที่ 5 ซึ่งผู้ชายเสียชีวิตหมด เหลือแต่ผู้หญิง 3 คนเท่านั้น พี่สาวคนโตและน้องสาวคนเล็กอยู่ต่างประเทศ เหลือตนที่คอยดูแลเสี่ยปานจนเสียชีวิต


น.ส.สุธารี เปิดเผยอีกว่า เสี่ยปานไม่ได้มีการสั่งเสียอะไร เพราะบอกว่าทำพินัยกรรมไว้แล้ว จึงไม่ได้สอบถามอะไร เพราะเห็นว่าป่วยจึงไม่อยากรบกวน ส่วนบ้านกับที่ดินได้ประกาศขาย 5 ล้าน มีคนมาติดต่อสอบถามมาจำนวนมาก แต่ตนไม่มีเวลาพาไปดูเพราะต้องเฝ้าเสี่ยปานตลอด เสี่ยปานได้สั่งไว้ก่อนตายว่าหากขายที่ดินและบ้านได้แล้วให้แบ่งลูกชาย 2 ล้าน ส่วนอีก 3 ล้านที่เหลือก็จะให้ตนเก็บไว้จัดงานและเป็นใช้จ่าย ตามความประสงค์ของเสี่ยปาน หากไม่มีคนซื้อก็จะเก็บไว้ ซึ่งได้แจ้งไปยังครอบครัวอดีตภรรยาและลูกของเสี่ยปานแล้ว เพราะจะนำอัฐิเสี่ยปานมาทำพิธีจัดงานศพสวดอภิธรรมที่บ้านในวันจันทร์และวันอังคาร ทำพิธีฌาปนกิจในวันพุธ เพราะอยากจะทำพิธีตามประเพณีบ้านเรา


“ส่วนเงินในธนาคารที่เหลือ และทรัพย์สินอย่างอื่นที่มี เพราะไม่เคยสอบถามคงจะมอบให้ลูกชายเสี่ยปาน ส่วนที่ดินและบ้านเสี่ยปานสั่งไว้ว่า เมื่อขายได้แล้วให้แบ่งลูกชายด้วย ซึ่งก็จะทำตามคำสั่งเสี่ยปานทุกอย่าง”


ส่วนที่วัดบูรพาราม หมู่ 14 บ้านหนองบ่อ ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี พบนายอดุลย์ ริยะสุ อายุ 77 ปี ไวยาวัจกรวัดบูรพาราม กำลังกวดหอระฆังที่เสี่ยปานสร้างถวาย เล่าว่า หลังจากที่เสี่ยปานถูกหวย 30 ล้าน ได้มาสร้างหอระฆัง ทำบุญให้พ่อแม่ที่เสียชีวิตไปแล้วรวม 500,000 บาท และก็ซื้อเครื่องขยายเสียง 30,000 กว่าบาท บริจาคเงินให้กับวัดบ่อยครั้ง บริจาคให้กับโรงเรียนไปอีก ส่วนมากแล้วเสี่ยปานจะมาทำบุญที่วัดนี้บ่อย เพราะเป็นวัดบ้านเกิดแล้วญาติพี่น้องก็มาทำบุญกับวัดมากมาย และคุยกับเสี่ยปานครั้งสุดท้ายก่อนเข้าโรงพยาบาล 


ตนเพิ่งทราบว่าเสี่ยปานเสียชีวิตเมื่อเช้านี้ เพราะพี่สาวเสี่ยปานเคยมากบอกกับตนไว้แล้วว่าเสี่ยปานอาจจะอยู่ไม่นาน วันนี้พี่สาวเสี่ยปานจึงมาบอกตนว่าเสี่ยปานเสียชีวิตแล้ว ตนรู้สึกเสียดายและเสียใจที่เสี่ยปานมาจากไปแบบรวดเร็วเกินไป เพราะเสี่ยปานมีทรัพย์สินจำนวนมาก เสี่ยปานน่าจะเอาเงินออกมารักษาตัวเองที่โรงพยาบาลเอกชน ยอมเสียเงินรักษาตัวเองจะดีกว่าเก็บเงินไว้  เพราะว่ารู้อยู่แล้ว่าเป็นโรคแบบนี้เอาเงินมารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนดีกว่า 


“เสี่ยปานเคยพูดปรับทุกข์ว่า ทรัพย์สินทำไว้ให้ลูกหมดแล้ว ส่วนพี่น้องก็แบ่งไว้ให้แล้ว แต่ส่วนมากจะให้ลูกมากกว่า โดยเสี่ยปานเคยตัดพ้อชีวิตให้ฟังว่ามีเงินแต่ว่าอาภัพ เหมือนประมาณว่าไม่มีความสุขกับชีวิตที่มีเงิน ไม่เคยหาความสุขให้กับชีวิตตัวเอง ส่วนมากจะเอาเงินมาทำบุญ แล้วก็เก็บไว้ให้ลูก ไม่ได้เอามาให้ความสุขกับชีวิตตัวเองเลย ซึ่งตนก็เคยแนะนำให้มีเมียใหม่ แต่เสี่ยปานบอกว่าสงสารลูกเลยไม่อยากมีเมียใหม่”


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าที่บ้านเสี่ยปานได้ปิดประตูรั้วเอาไว้มีเพียงสุนัข และควายอยู่ภายในบริเวณบ้าน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา




ภาพ / ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี