TNN online วันนี้วันอะไร 25 ธันวาคม ตรงกับ “วันคริสต์มาส

TNN ONLINE

สังคม

วันนี้วันอะไร 25 ธันวาคม ตรงกับ “วันคริสต์มาส

วันนี้วันอะไร 25 ธันวาคม ตรงกับ “วันคริสต์มาส

วันคริสต์มาส ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ และถือเป็นวันที่ชาวคริสต์เฉลิมฉลอง ถือเป็นช่วงเวลาแห่งงานรื่นเริง มอบความรักให้แก่กัน และการรวมกลุ่มกัน

รู้หรือไม่ วันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันคริสต์มาส คริสต์มาส (Christmas) มาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า “Christes Maesse” แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า โดยพบคำนี้ครั้งแรกในเอกสารโบราณ ค.ศ.1038 ซึ่งภายหลังเปลี่ยนมาเป็นคำว่า “Christmas”


  • ประวัติความเป็นมาวันคริสต์มาส

เทศกาลคริสต์มาส ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ โดยพระองค์ประสูติที่เมืองเบธเลเฮม และเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งคือประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน จากหลักฐานในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งรับสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรีย ได้รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ไม่ได้ระบุว่าพระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร


ขณะที่นักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคมเป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมันกำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้า ฉลองวันนี้เสมือนว่าเป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิ  เพราะจักรพรรดิเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์ อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซู ซึ่งเปรียบเสมือนความสว่างของโลก และเหมือนดวงจันทร์เป็นความสว่างในตอนกลางคืนแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ. 330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเปิดเผยเป็นทางการ


วันคริสต์มาสเป็นวันที่ชาวคริสต์เฉลิมฉลอง ถือเป็นช่วงเวลาแห่งงานรื่นเริง การมอบความรักให้แก่กัน วันแห่งครอบครัว และการรวมกลุ่มกัน ในงานรื่นเริงนี้ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการฉลองวันคริสต์มาส โดยเรื่องราวเกี่ยวกับวันคริสต์มาส ได้มีการกล่าวไว้ในคัมภีร์ไบเบิลโดยคำสอนของนักบุญลุกซ์และนักบุญแมททิวว่า ในขณะที่เกิดพายุขึ้น โจเซฟและแมรี่ได้พยายามหาที่กำบังจนกระทั่งมาถึงเมืองเบธเลเฮม ได้พบกับเจ้าของโรงแรมในเมืองนั้นแต่ไม่มีห้องว่างเลย เขาจึงได้ให้ทั้งสองนั้นไปพักอยู่ที่คอกสัตว์ และหลังจากนั้นพระเยซูก็ได้ประสูติ มีดวงดาวปรากฏขึ้นอยู่เหนือคอกสัตว์ที่ทั้งสองนั้นได้พักอยู่ ดวงดาวนี้เองที่เป็นแสงนำให้ผู้คนมายังพระเยซูน้อย ซึ่งหลังจาก 12 วันหลังจากได้ประสูติแล้วได้มีพระราชา 3 องค์ประทานของขวัญแก่ทารกนั้น


  • ความเป็นมาของ ซานตาคลอส (Santa Claus)

ซานตาคลอส ถือเป็นจุดเด่นและสัญลักษณ์ของวันคริสต์มาสที่เด็กและผู้คนนิยมมากที่สุด ซานตาคลอส มาจากชื่อนักบุญนิโคลาส ซึ่งเป็นนักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือ เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเด็ก ๆ นักบุญองค์นี้เป็นสังฆราชของไมรา มีชีวิตอยู่ราวศตวรรษที่ 4 เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาก็ยังรักษาประเพณีนี้ไว้ คือฉลองนักบุญนิโคลาสในวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งหมายถึงนักบุญนี้จะมาเยี่ยมเด็ก ๆ และเอาของขวัญมาให้ เด็กอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์ที่อพยพมาก็รู้สึกอยากมีส่วนร่วมในประเพณีแบบนี้บ้างเพื่อรับของขวัญ ประเพณีนี้จึงเริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลายไปในอเมริกา


  • ความเป็นมาของ ต้นคริสต์มาส (Christmas)

ต้นคริสต์มาส คือต้นสนที่นำมาประดับประดาด้วยลูกแอปเปิลและขนมปังเพื่อระลึกถึงศีลมหาสนิท และได้มีวิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยจนมาถึงการประดับด้วยดวงไฟหลากสีสัน ขนม และของขวัญอย่างในทุกวันนี้ ย้อนไปในศตวรรษที่ 8 การตกแต่งแบบนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเซนต์บอนิเฟส มิชชันนารีชาวอังกฤษที่เดินทางไปประกาศเรื่องพระเจ้าในเยอรมนี ได้ช่วยเด็กที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้ง ได้พบต้นสนเล็ก ๆ ต้นหนึ่งขึ้นอยู่ที่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และตั้งชื่อว่า ต้นกุมารพระคริสต์ ต่อมา มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคริสตจักรชาวเยอรมันได้ตัดต้นสนไปตั้งในบ้าน  และหลังจากนั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศอังกฤษและทั่วโลก


อย่างไรก็ตาม ในอดีตต้นคริสต์มาส หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน และทำบาปไม่เชื่อฟังพระเจ้า โดยตามพระคัมภีร์นั้นได้เปรียบพระเยซูเจ้าเสมือนเป็นต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เขียวเสมอในทุกฤดูกาล สื่อถึงนิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า อีกทั้งความสว่างของพระองค์ยังเหมือนแสงเทียนที่ส่องสว่างในความมืด รวมถึงความชื่นชมยินดีและความสามัคคีที่พระเยซูประทานให้ เพราะต้นไม้นั้นเป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาส


  • ดอกไม้คริสต์มาส (Poinsettia)

ดอก Poinsettia เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของวันคริสต์มาส โดยมาจากเรื่องราวของเด็กหญิงคนหนึ่ง ที่ต้องการหาของขวัญไปมอบให้พระแม่มารีในวันคริสต์มาสอีฟ แต่เนื่องจากเธอไม่มีสิ่งของใด ๆ ติดตัว จึงเดินทางไปตัวเปล่า และระหว่างทางเธอได้พบกับนางฟ้าที่บอกให้เธอเก็บเมล็ดพืชไว้ ต่อมาเมล็ดพืชนั้นกลับเจริญเติบโตเปลี่ยนเป็นดอกไม้สีเลือดหมูสดใส ซึ่งก็คือดอก Poinsettia ตั้งแต่นั้นมาดอก Poinsettia ก็ได้รับความนิยมใช้ประดับประดาบ้านในงานคริสต์มาส


  • เพลงประจำเทศกาลคริสต์มาส

เพลงที่เราจะได้ยินบ่อยในช่วงวันคริสต์มาส และเป็นหนึ่งในเพลงสวดนมัสการพระเกียรติและชัยชนะของพระคริสต์ เพื่อการรับเสด็จการกลับมาอีกครั้งของพระคริสต์ในวันพิพากษาโลกนั่นคือเพลง “Joy to the World" ที่เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมทั้งในอดีตและปัจจุบัน




  • คำอวยพรวันคริสต์มาส

ในวันคริสต์มาสเรามักจะใช้คำอวยพรให้แก่กันและกันว่า Merry X'mas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า "สันติสุขและความสงบทางใจ" คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรขอให้ได้รับสันติสุขและความสงบทางใจ และได้จัดให้มีการฉลองเพื่อระลึกถึงการบังเกิดของพระเยซู ที่ได้รับยกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากลโลก ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศ ประเพณีนี้ได้เริ่มมาจากกรุงโรม ในศตวรรษที่ 4 และค่อย ๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป

สีประจำวันคริสต์มาส


  • สีวันคริสต์มาส มีสีอะไรบ้าง

สีแดง : เป็นสีของเดือนธันวาคม ที่แสดงถึงความตื่นเต้น และหากเป็นสัญลักษณ์ตามศาสนา สีแดงจะหมายถึง ไฟ, เลือด และความโอบอ้อมอารี

สีเขียว : เป็นสีของต้นไม้ สัญลักษณ์ของธรรมชาติ หมายถึง ความอ่อนเยาว์และความหวังที่จะมีชีวิตเป็นนิรันดร์ เปรียบได้กับว่าเทศกาลคริสต์มาสคือเทศกาลแห่งความหวัง

สีขาว : เป็นสีของหิมะและเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา คือ แสงสว่าง ความบริสุทธิ์ ความสุข และความรุ่งเรือง

สีทอง : เป็นสีของเทียนและดวงดาว เป็นสัญลักษณ์ของแสงอาทิตย์และความสว่างไสว


  • การทำมิสซาเที่ยงคืน คืออะไร

การถวายมิสซานี้เกิดขึ้นหลังจากพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 1 ได้ประกาศให้วันที่ 25 ธันวาคมเป็นวันฉลองพระคริสตสมภพ (วันคริสต์มาส) ในปีนั้นเอง พระองค์และสัตบุรุษได้พากันเดินสวดภาวนาและขับร้องจากตำบลเบธเลเฮมและไปยังถ้ำที่พระเยซูเจ้าประสูติ เมื่อไปถึงตรงกับเวลาเที่ยงคืนพอดี พระสันตะปาปาทรงถวายบูชามิสซา ณ ที่นั้น และเมื่อเดินทางกลับมาที่พักได้เวลาตี 3 พระองค์ก็ถวายมิสซาอีกครั้ง แต่ยังมีสัตบุรุษหลายคนไม่ได้ร่วมขบวนไปด้วยในตอนแรก พระสันตะปาปาจึงทรงถวายบูชามิสซาอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 3 เพื่อสัตบุรุษเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้เองพระสันตะปาปาจึงทรงอนุญาตในพระสงฆ์ถวายบูชามิสซาได้ 3 ครั้ง ในวันคริสต์มาส เหมือนกับการปฏิบัติของพระองค์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงมีธรรมเนียมถวายมิสซาเที่ยงคืนในวันคริสต์มาส และพระสงฆ์สามารถถวายมิสซาได้ 3 มิสซาในโอกาสวันคริสต์มาส


ที่มาข้อมูล : wikipedia


ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง