นายกฯ เผยตัวประกันคนไทยยังปลอดภัยดี มีภาพถ่ายยืนยัน
นายกฯเผยตัวประกันคนไทยปลอดภัยดี ได้รับภาพถ่ายยืนยัน เร่งเจรจาช่วยเหลือ คาดลำเลียงตัวออกมาได้ช่วงหยุดยิง
วันนี้ ( 6 พ.ย. 66 ) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือตัวประกันไทยในอิสราเอล โดยเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ได้พูดคุยกับพล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ซึ่งได้รับรายงานความคืบหน้าว่าได้มีภาพถ่ายของตัวประกัน จึงเข้าใจได้ว่าอย่างน้อยที่สุดตัวประกันยังมีชีวิตอยู่ และกำลังพยายามเจรจากันอยู่ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาว่าช่วงใดที่การสู้รบภาคพื้นดินจะมีการหยุดยิงชั่วคราว อาจเป็นระยะ 1-2 วัน ก็อาจเป็นช่องทางในการลำเลียงตัวประกันออกมาได้
ทั้งนี้ประเทศไทยได้พึ่งพาทางมาเลเซียค่อนข้างมาก ส่วนความคืบหน้าเรื่องตัวประกัน 3 คน ที่ยังหาตัวไม่พบ และถูกจับเพิ่มอีก 1 คนนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการรายงานความคืบหน้าเข้ามา
ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุว่าขณะนี้มีแรงงานชาวไทยเดินทางกลับมา เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของสงครามแล้วเกือบ 10,000 คน เหลือตกค้างทำงานในอิสราเอลอีกประมาณ 20,000 กว่าคน ที่ยังไม่เดินทางกลับมา ซึ่งหากแรงงานในกลุ่มนี้ต้องการเดินทางกลับไทย ก็พร้อมให้ความช่วยเหลือทันที
ทั้งนี้ได้รับรายงานว่าในบางพื้นที่ของอิสราเอลไม่ถูกโจมตี อาทิ พื้นที่ทะเลทราย ซึ่งมีประชาชนอยู่อาศัยไม่มากนัก ทำให้ยังมีแรงงานไทยตัดสินใจอยู่ทำงานต่อ หรือแม้แต่พื้นที่ สีแดง ยังมีแรงงานไทยกลับเข้าไปทำงานแล้วประมาณ 100 คน เนื่องจากได้รับความดูแลจากกองทัพของอิสราเอล รวมถึงนายจ้างที่เสนอค่าตอบแทนที่สูงกว่าภาวะปกติมาก อยู่ประมาณ 7-8 หมื่นบาท จากเดิมอยู่ประมาณ 5 หมื่นบาท
สำหับเรื่องของความช่วยเหลือ หากแรงงานไทยที่กลับมาแล้ว ต้องการกลับไปทำงานในประเทศอื่นก็พร้อมให้การสนับสนุน ขณะนี้ได้หารือเบื้องต้นกับ 5 ประเทศ ได้แก่ เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ออสเตรเลีย และกรีช เพื่อส่งแรงงานไทยไปทำงาน คาดว่าจะมีความคืบหน้าในเร็วๆ นี้ และในกรณีที่ความรุนแรงเริ่มคลี่คลาย หากแรงงานไทยต้องการกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีก ก็พร้อมสนับสนุนเช่นกัน ซึ่งส่วนนี้รัฐบาลอิสราเอลก็ให้สิทธิพิเศษคือ หากแรงงานที่แม้ทำงานครบสัญญา 5 ปี 3 เดือนแล้ว ก็สามารถทำงานได้ต่ออีก 1 ปี จากเดิมที่ต้องเดินทางกลับ เนื่องจากเป็นข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับความเป็นพลเมืองของอิสราเอล
ขณะที่วันนี้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบปะให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศชุดแรกจำนวน 9 คน ที่เดินทางกลับจากปฏิบัติหน้าที่ ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ในการช่วยเหลือประสานงานส่งแรงงานไทยในสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา
พร้อมกันนี้ได้ขอบคุณข้าราชการทั้ง 9 คน ทั้งในนามรัฐบาลและนามส่วนตัว แม้เป็นหน้าที่ที่ทำงานอยู่แล้ว แต่ก็ถือว่าทำมากกว่าที่ทำปกติ เพื่อช่วยในการนำคนไทยกลับประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่าได้ตามเป้าที่ตั้งใจ
ทั้งนี้ นายพงศธร จุฑาสมิทธิ์ ผอ.กองรับรอง กรมพิธีการทูต เล่าถึงการทำงานที่ ศูนย์อพยพ ในกรุงเทลอาวีฟ ว่า มีเจ้าหน้าจากกระทรวงการต่างประเทศที่เดินทางจากไทยทั้งหมด 14 คน โดยมีการเดินทางกลับมาชุดแรก 9 คน ทุกคนปลอดภัย แข็งแรงดี โดยการปฎิบัติงานจะอยู่ที่ศูนย์อพยพ รร.เดวิด อินเตอร์คอนติเนนตัล เป็นพื้นที่ปลอดภัย โดยลักษณะการทำงาน จะเป็น ติดต่อ ประสานงานอิสราเอลในการนำตัวแรงงานไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยมาที่ศูนย์อพยพ รวมถึงเรียกรถสาธารณะ นำแรงงานไทยมาส่งยังศูนย์พักพิงและสนามบิน โดยทำงาน 24 ชั่วโมง สลับกันพักคนละ 3-4 ชั่วโมงในช่วงแรก
ขณะนี้ยังเหลือเจ้าหน้าที่ที่อยู่ช่วยงานสถานทูตอีก 5 คน เพื่อรองรับภารกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หากมีการปล่อยตัวประกันออกมา โดยเหลือคนไทยในอิสราเอลอีกกว่า 20,000 คน ถ้ามีสถานการณ์ก็พร้อมส่งเจ้าหน้าที่กลับไปสนับสนุนทันที โดยขณะนี้แม้จะมีการปิดศูนย์พักพิง แต่สถานทูตยังเปิดทำการตามปกติ ซึ่งสะดวกในการติดต่อสื่อสาร และมีพื้นที่รองรับแรงงานไทย รวมถึงมีสำนักงานแรงงานในการดูแลสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของแรงงานไทยด้วย
ภาพจาก : Thaigov