TNN online "ทางเลื่อนดูดขาขาด" ลูกชายผู้บาดเจ็บโพสต์เล่า สภาพจิตใจคุณแม่

TNN ONLINE

สังคม

"ทางเลื่อนดูดขาขาด" ลูกชายผู้บาดเจ็บโพสต์เล่า สภาพจิตใจคุณแม่

ทางเลื่อนดูดขาขาด ลูกชายผู้บาดเจ็บโพสต์เล่า สภาพจิตใจคุณแม่

"ทางเลื่อนดูดขาขาด" ลูกชายผู้บาดเจ็บโพสต์เล่า "ขอบคุณทุกกำลังใจ"

"ทางเลื่อนดูดขาขาด" ลูกชายผู้บาดเจ็บโพสต์เล่า "ขอบคุณทุกกำลังใจ" 


โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.40 น. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เท้าของผู้โดยสารหญิงท่านหนึ่งติดทางเลื่อน บริเวณทางเดิน South Corridor  อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ อาคาร 2 ขณะกำลังจะเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังนครศรีธรรมราช ซึ่งเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานดอนเมืองได้เข้าดูแลพร้อมนำผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ขณะนี้ ท่าอากาศยานดอนเมือง ได้ทำการปิดการใช้ทางเลื่อนนี้เป็นการชั่วคราว และเร่งนำทีมวิศวกรเข้าสำรวจหาสาเหตุโดยละเอียด และตรวจสอบความปลอดภัยอีกครั้ง


นายการันต์ ธนกุลจีรพัฒน์  ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง   และนายชยาศิส บำรุงสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายไฟฟ้าและเครื่องกล ร่วมกันตั้งโต๊ะแถลงข่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าจะพยายามรักษาอย่างเต็มที่ เบื้องต้นจากการดูแลสภาพจิตใจของผู้โดยสาร พบว่า ผู้โดยสารค่อนข้างเข้มแข็ง แม้ว่าทางทีมแพทย์ชุดแรกของโรงพยาบาลภูมิพลแจ้งว่า “ขาไม่สามารถต่อได้” ล่าสุดผู้ป่วยต้องการย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ 


ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้น อยู่ระหว่างสืบสวนหาข้อเท็จจริง และได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและความชัดเจนให้มากที่สุด โดยจะใช้ทีมงานชุดนอกร่วมตรวจสอบด้วย คือ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เพื่อให้เกิดความชัดเจนและปลอดภัยว่าอุปกรณ์ตัวนี้เกิดความผิดพลาดจากอะไร เบื้องต้นอุปกรณ์ทางเลื่อนมีการตรวจเช็กทั้งรายวัน/รายเดือน/ราย 3 เดือน และรายปี ซึ่งก็มีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง  อย่างไรก็ตามทางเลื่อนถูกติดตั้งใช้งานมาตั้งแต่ 2539 หรือ ประมาณ 27 ปีแล้ว ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ รวมถึงหวี ซึ่งตรวจครั้งล่าสุด คือ วันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา ไม่มีการชำรุดเลย เพราะฉะนั้นจะต้องมีการสืบสวนให้ละเอียดก่อนว่า เกิดจากสาเหตุใด



ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันที่  30 มิถุนายน 2566  ลูกชายของผู้บาดเจ็บได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า 


สวัสดีครับทุกท่าน

ผมเชื่อว่าหลายๆท่านคงได้ข่าวกรณีผู้โดยสารหญิงประสบอุบัติเหตุบนทางเลื่อนที่สนามบินดอนเมืองจนทำให้ขาขาด ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ ผู้โดยสารหญิงท่านนี้คือคุณแม่ของผมเองครับ

.

ก่อนอื่นทางครอบครัวต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจกันอย่างล้นหลามครับ กำลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับครอบครัวในตอนนี้จริงๆ คือเมื่อวานคือวันที่เกิดเรื่อง ทางครอบครัวอยู่ในความตกใจและเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เราก็ต้องรีบตั้งสติและบริหารจัดการวิกฤตนี้ที่เกิดกับขอบครัวเราให้เร็วและดีที่สุด

.

หลังเกิดอุบัติเหตุ พวกเรายังไม่ได้พูดคุยกับถึงรายละเอียดที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ แต่โฟกัสไปที่การรักษาเพื่อกู้ภาวะวิกฤตของคุณแม่เป็นความสำคัญอันดับแรกเนื่องจากคุณแม่เสียเลือดมาก จึงยังไม่ได้มีโอกาสในการได้ออกมาให้สัมภาษณ์หรีอตอบคำถามสื่อที่ติดต่อเข้ามาทางครอบครัวอย่างเป็นทางการณ์ ตอนนี้เราเริ่มตั้งสติกันได้บ้างแล้ว เลยอยากมาให้ข้อมูลเบื้องต้น เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุก ๆ คน ผ่านจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ครับ

.

ตอบยอมรับครับว่าเหตุการณ์ที่บีบหัวใจครั้งนี้มันยากกับครอบครัวเราจริงๆ ยังคงตกใจและเสียใจทุกครั้งที่เห็นข่าวหรือตอนคิดถึงอาการของคุณแม่ แต่พวกเรายังต้องสู้ครั้บเพราะคุณแม่ก็กำลังสู้อยู่เหมือนกัน

.

เมื่อวานเหตุเกิดในช่วงเช้าและคุณแม่ได้รับการผ่าตัดในช่วงเย็นที่โรงพยาบาลบำรุงราษฏ์ โรงพยาบาลที่ครอบครัวและคุณแม่มีประวัติรักษาอยู่ ทางครอบครัวต้องขอขอบพระคุณทีมงานแพทย์ทุกๆท่าน ตั้งแต่ที่สนามบินดอนเมือง โรงพยาบาลภูมิพล และ โรงพยาบาลลบำรุงราษฏ์ ที่ช่วยชีวิตคุณแม่ผมเอาไว้

.

คุณแม่ออกจากห้องผ่าตัดเมื่อวานในช่วงค่ำ ผลผ่าตัดเป็นที่น่าพึงพอใจในขั้นต้น แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าจะเป็นการผ่าตัดครั้งสุดท้ายของคุณแม่ ทางทีมแพทย์แจ้งว่าเรายังคงต้องรอดูอาการ และภาวนาให้ไม่มีอาการติดเชื้อ หรือเนื้อตาย ซึ่งจะต้องทำให้เราต้องผ่าเปิดแผลคุณแม่และตัดเนื้อของคุณแม่ออกมาอีก กว่าจะทราบผลคงต้องรอเวลาอีกหลายวัน

.

สภาพกำลังใจของคุณแม่อยู่ในเกณฑ์ที่น่าเป็นห่วง เราได้มีโอกาสได้พูดคุยกับท่านนิดหน่อยทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด เนื่องจากท่านยังต้องพักในห้องปลอดเชื้อ คุณแม่ยังแสดงความเข้มแข็งออกมาจากทั้งทางสีหน้าและน้ำเสียง แต่เราก็ทราบดีในใจลึกๆ ของท่านแตกสลาย เพราะอยู่ๆ ก็ต้องเสียขาไป

.

ทางครอบครัวได้มีการขอภาพกล้องวงจรปิดจากทางสนามบินแต่ยังไม่ได้รับ คาดว่ากำลังผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน

.

สิ่งที่ต้องยอมรับว่าครอบครัวกังวลมากที่สุดจริงๆในเวลานี้คือสภาพจิตใจของคุณแม่ และการชีวิตของคุณแม่ในระยะยาว เพราะครอบครัวทราบดีว่าเราไม่สามารถทำให้ขาของคุณแม่กลับมาเหมือนเดิม หรือแม้กระทั่งจะทำให้ชีวิตของคุณแม่กลับมาเหมือนเดิมได้ ทางครอบครัวได้มีขอให้คุณหมอช่วยพิจารณาจัดทีมนักจิตวิทยาเพื่อเข้าช่วยเหลือเยียวยาคุณแม่ในเบื้องต้น เป็นสิ่งเราต้องพยายามให้ดีที่สุดให้กับท่าน

.

คุณแม่ร้องไห้ ไม่ใช่เพราะอาการเจ็บแผล แต่เพราะยังจินตนาการถึงชีวิตที่มีขาข้างเดียวไม่ได้ ทางครอบครัวจึงหลีกเลี่ยงการพูดถึงเหตุการณืที่เกิดขึ้นที่สนามบินดอนเมืองกับคุณแม่มากที่สุด และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของทางสนามบิน จัดการในเรื่องสืบค้นสาเหตุต่อไป ซึ่งทางครอบครัวหวังว่าจะเป็นไปด้วยความโปร่งใสและเที่ยงธรรม

.

ผมเองในฐานคนเป็นลูก โดยเฉพาะตอนที่พบคุณแม่ครั้งแรกหลังเกิดเหตุการณ์ ภาพที่เห็นคือเจ้าหน้าที่ถือกล่องโฟมที่ใส่ขาคุณแม่ลงมาจากรถฉุกเฉิน แยกออกมาจากตัวคุณแม่ที่นอนอยู่บนเปลรถเข็น มันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่สามารถอธิบายได้จริงๆครับ

.

ครอบครัวยังคงภาวนาให้แผลผ่าตัดของคุณแม่ ไม่มีอาการติดเชื้อ และเป็นการผ่าตัดครั้งสุดท้ายของคุณแม่ นอกเหนือจากนี้ครอบครัวยังไม่ขอคิดสิ่งอื่นใด เพราะถึงครอบครัวของเราจะไม่ได้เหมือนเดิมหลังจากเหตุการณ์นี้แต่เราจะต้องสมาชิกครอบครัว"ครบ"เท่าเดิมครับ

.

ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง ทั้งการช่วยเหลือ กำลังใจ คำอวยพร

กฤตย์ กิตติรัตนา

30 มิ.ย. 2566 

10:30น.




ข่าวแนะนำ