‘ลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้า’ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นาน 7 เดือน เช็กวิธีที่นี่
เปิดวิธี ‘ลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้า’ สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 7 เดือนตั้งแต่ ตุลาคม 2565-เมษายน 2566 ช่วยเหลือเดือนละ 315 บาท
จากกรณี คณะรัฐมนตรี เห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า หรือ เงินช่วยเหลือค่าไฟ ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2565 - เมษายน 2566 (7 เดือน) โดยใช้งบประมาณจากกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อสนับสนุนค่าไฟฟ้า สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน จํานวน 1,786.05 ล้านบาท ช่วยเหลือประมาณ 810,000 ครัวเรือน โดยมีรายละเอียดดังนี้
มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้ามีรายละเอียดดังนี้
1. กรณีใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย/เดือน ติดต่อกัน 3 เดือน ให้ใช้สิทธิ์ค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน
2. กรณีใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วย/เดือน ให้ใช้สิทธิ์ตามมาตรการนี้ ในวงเงิน 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน
3. กรณีที่ใช้เกินวงเงินที่กําหนด ผู้มีบัตรฯ เป็นผู้รับภาระ ค่าไฟฟ้าทั้งหมด
เงื่อนไขการลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้า
1. ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องเป็นผู้มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับสิทธิ 1 สิทธิต่อครัวเรือนต่อบิลเดือน และต่อหนึ่งหมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้าเท่านั้น
2. ผู้มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้าประจำเดือน ตามที่ระบุในใบแจ้งค่าไฟฟ้าแต่ไม่เกิน 315.-บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ต่อครัวเรือนต่อบิลเดือน กรณีที่ค่าไฟฟ้าเกิน 315.-บาท(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จะไม่ได้สิทธิจากมาตรการนี้
3. ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องชำระเงินค่าไฟฟ้าเต็มจำนวนตามที่ระบุในใบแจ้งค่าไฟฟ้า และกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินคืนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ต่อไป
4. ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิไฟฟ้าฟรีไม่เกิน 50 หน่วยในเดือนใด จะไม่ได้รับสิทธิตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเดือนนั้น
5. ผู้มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และต้องการใช้สิทธิในการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ต้องลงทะเบียนผ่านช่องทางที่ กฟภ. กำหนด และให้ข้อมูลถูกต้องครบถ้วน
วิธีการลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้า
1.เข้าไปที่เว็บไซต์ https://eservice.pea.co.th/WelfareRegister/
2. กดยอมรับเงื่อนไข
3. กรอกข้อมูลส่วนตัว เลขประจำตัวประชาชน, เลขบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, หมายเลขโทรศัพท์มือถือ, หมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้า, รหัสเครื่องวัดไฟฟ้า, บิลประจำเดือน, จำนวนเงินค่าไฟฟ้า
4.กดยืนยันข้อมูล
ข้อมูลจาก : pea.co.th/กระทรวงการคลัง
ภาพจาก : AFP