"วัคซีนฝีดาษลิง" คาดนำเข้ามา กลางเดือน ส.ค.นี้ เบื้องต้น 1,000 โดส

นายแพทย์ โอภาสการย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุถึง สถานการณ์ฝีดาษลิงว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 ราย และเป็นหนึ่งใน 75 ประเทศทั่วโลกที่พบผู้ป่วยฝีดาษลิง ส่วนความคืบหน้าผู้ป่วยติดเชื้อชาวไนจีเรีย อายุ27 ที่หลบหนีไปกัมพูชาเบื้องต้นจากการสอบถามไปทางประเทศกัมพูชาอาการของผู้ป่วยดีขึ้นแล้ว แผลแห้งแตกสะเก็ด ผลตรวจสายพันธุ์  Western African A.2

ส่วนชายไทยรายที่ 2 ที่พบติดเชื้อโรคฝีดาษลิง พบว่ามีประวัติการมีเพศสัมพันธ์กับชายชาวต่างชาติ โดยไม่ได้ป้องกัน ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดที่เป็นชาวยุโรป 2 ราย รายแรก ผลตรวจเป็นลบ  ส่วนอีกรายกำลังติดตาม ล่าสุดทราบว่าออกจากนอกประเทศไปแล้ว  โดยผลตรวจกลุ่มเสี่ยงสูงของชายไทยรายดังกล่าวยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม

สำหรับแนวทาง การจัดหาซีนป้องกันโรคฝีดาษลิง ทั่วโลก ยังไม่มีวัคซีนของโรคโดยเฉพาะ แต่จะเป็นการนำวัคซีนโรคฝีดาษ มาใช้ ซึ่งไทย มองวัคซีนโรคฝีดาษรุ่น 3 ไว้  โดยได้ประสานไปยัง องค์การเภสัชกรรม ในการที่จะนำเข้ามาคาดว่า ประมาณกลางเดือนสิงหาคมน่าจะนำเข้ามาในประเทศไทย เบื้องต้นจะนำเข้า 1 พันโดส โดยฉีดคนละ 2 เข็ม ส่วนรายละเอียดการฉีดเว้นห่างเท่าไหร่ และจะเลือกกลุ่มใดในการฉีดนั้นจะมีคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคฯ พิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง

สำหรับวัคซีนฝีดาษลิงนั้น ต้องย้ำว่าโรคนี้ไม่ได้รุนแรง ไม่ได้ติดต่อง่าย  จึงไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้กับคนไทยทุกคน แต่ต้องเลือกกลุ่มที่มีความเหมาะสม ส่วนการพิจารณาว่าจะฉีดวัคซีนฝีดาษลิงให้ใครนั้น ต้องคำนึง 4 ปัจจัย คือ  ประสิทธิภาพ    ผลข้างเคียง สถานการณ์การระบาดของโรค  ความเป็นไปได้ของการจัดบริการ

ส่วนมาตรการป้องกันควบคุมโรคฝีดาษลิง เนื่องจากโรคไม่มีความรุนแรงมากนัก การติดต่อส่วนใหญ่จะเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดและเป็นกลุ่มเฉพาะ จะเน้นการใช้มาตรการตรวจสอบประวัติการเดินทางจากต่างประเทศ และกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิด

สำหรับประเทศไทย ขณะนี้ มีการเฝ้าระวังในสถานพยาบาล หากเจอผู้ป่วยเข้าข่ายสงสัย มี ตุ่ม หนอง ผื่น ต่อมน้ำเหลืองโต ก็ให้รับตัวเข้าทำการตรวจหาเชื้อและรักษา รวมถึงมีมาตรการควบคุมโรค ค้นหากลุ่มเสี่ยง ผู้สัมผัส เพื่อไม่ให้แพร่กระจายออกไปได้  ทั้งนี้พบว่าผู้ที่ติดเชื้อโรคฝีดาษลิงจะมีประวัติเชื่อมโยงกับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ

ภาพ TNNONLINE