NASA เปิดภาพถ่ายพิศวง พบช่องประตูปริศนาบนดาวอังคาร หรือจะเป็นฐานลับของเอเลี่ยน?

ยานคิวริโอซิตี (Curiosity Rover) ขององค์การนาซา ที่ถูกส่งออกจากโลกเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 และเดินทางไปสำรวจดาวอังคารในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2012 เพื่อศึกษาสภาพภูมิอากาศ และศึกษาธรณีวิทยาบนดาวอังคาร

ล่าสุด องค์การนาซา (NASA) ได้พบภาพปริศนาและเผยแพร่ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา จนโลกออนไลน์จินตนาการว่า ดูเหมือนกับประตูทางเข้าสถานที่ลับ ซึ่งอาจเป็นทางเข้าฐานลับวิหารประกอบพิธีทางศาสนา หรือสุสานใต้ดินของเอเลียนก็เป็นได้ 

ประตูปริศนาดังกล่าวเป็นภาพที่บันทึกได้จากภูเขาชาร์ป (Mount Sharp) ภายในแอ่งหลุมเกล (Gale Crater) ซึ่งหุ่นยนต์คิวริออซิทีทำการสำรวจในหลายจุดมาตั้งแต่ปี 2012

กล้องของหุ่นยนต์ จับภาพประตูปริศนาได้ ขณะกำลังไต่ระดับขึ้นเขาสูง 5,500 เมตร โดยประตูนี้ตั้งอยู่ตรงส่วนเนินเขาชันที่เรียกว่า Greenheugh Pediment ซึ่งมีพื้นผิวขรุขระคล้ายหลังจระเข้

แม้องค์การนาซาซึ่งเป็นผู้เผยแพร่ภาพดังกล่าว ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมในเรื่องนี้ แต่มีผู้ใช้เว็บไซต์เรดดิตบางรายสันนิษฐานว่า "ประตูเอเลียน" อาจเป็นเพียงรอยแตกเฉือน ในโครงสร้างของชั้นหิน ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนรูปร่างของหินเมื่อมีแรงภายนอกมากระทำ ซึ่งอาจเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงบนดาวอังคาร ซึ่งนาซาเพิ่งตรวจพบการสั่นสะเทือนในขนาดหรือแมกนิจูดระดับสูงสุดเท่าที่เคยพบมา เมื่อวันที่ 4 พ.ค.นี้เอง

แรงกระทำจากภายนอกอาจส่งผลให้เนื้อหินบางส่วนแตกหลุดออก จนเกิดเป็นรูปทรงคล้ายประตูขึ้นมา อย่างไรก็ตามยังไม่อาจยืนยันได้ว่ามันมีขนาดใหญ่เล็กเพียงใดในความเป็นจริง เพราะภาวะลวงตาของภาพถ่ายอาจทำให้ช่องหินแตกที่มีขนาดเพียงไม่กี่นิ้วหรือไม่กี่เซนติเมตร ดูกว้างใหญ่และลึกเกินความเป็นจริงได้

ภาพลวงตาเช่นนี้เคยเกิดขึ้นในกรณีของ "กระท่อมปริศนา" บนดวงจันทร์ ที่หุ่นยนต์สำรวจอวี้ทู่-2 ของจีนเคยพบเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเมื่อหุ่นยนต์เข้าไปถ่ายภาพในระยะใกล้ จึงได้พบว่าเป็นเพียงก้อนหินขนาดเล็กเท่านั้น

นักวิจัยของมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งสหรัฐ เผยแพร่ภาพของ ‘หลุมดำ’ แห่งใหม่ที่อยู่ในบริเวณใจกลางของกาแล็กซีทางช้างเผือก โดยอาศัยการทำงานของกล้องโทรทรรศน์ ‘อีเวนต์ ฮอไรซัน’ ซึ่งเป็นการยืนยันว่าหลุมดำดังกล่าวมีอยู่จริง 

การค้นพบครั้งนี้ช่วยให้นักดาราศาสตร์เข้าใจเกี่ยวกับหลุมดำมวลยิ่งยวดมากขึ้น และผลลัพธ์ที่ได้ตรงกับที่ทำนายเอาไว้โดยทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ และหลุมดำดังกล่าวได้รับการตั้งชื่อว่า ‘Sagittarius A*’ (แซจิแทเรียส เอ สตาร์) หรือเรียกสั้นๆ ว่า Sgr A* โดยเป็นหลุมดำที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ถึง 4 ล้านเท่า

“หลุมดำ” เป็นวัตถุปริศนาที่มีแรงโน้มถ่วงสูงมาก แม้กระทั่งแสงก็ไม่สามารถหนีออกมาจากแรงโน้มถ่วงของหลุมดำได้ ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถสังเกตเห็นหลุมดำได้โดยตรง 

แต่เราก็สามารถสังเกตเห็นแก๊สร้อนที่สว่าง ในขณะที่พวกมันกำลังค่อยๆ ตกลงสู่หลุมดำได้ ปรากฏเป็น “วงแหวน” สว่างล้อมรอบ “เงา” สีดำ ซึ่งเป็นบริเวณอันมืดมิดที่รายล้อม “ขอบฟ้าเหตุการณ์” ของหลุมดำ ทำให้แสงไม่สามารถเดินทางออกมาได้

ภาพดังกล่าวช่วยให้มนุษย์ได้เห็นใจกลางของกาแล็กซีทางช้างเผือกซึ่งห่างออกไปจากโลกประมาณ 27,000 ปีแสง และยังมีประโยชน์ต่อการศึกษาหลุมดำโดยรวม ตลอดจนการทำความเข้าใจรูปแบบของกาแล็กซี่และแง่มุมอื่นซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป.