ชาวซีเรียสุดช้ำอพยพหนีการโจมตีกบฏครั้งใหม่ 3.5 แสนคน

สหประชาชาติแถลงมีชาวซีเรียประมาณ 350,000 คนอพยพหนีการโจมตีของกองทัพรัสเซียและซีเรีย ที่ส่งเครื่องบินโจมตีอย่างหนักต่อพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏ

วันนี้ ( 17 ม.ค. 63 )สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ โอซีเอชเอ (OCHA) แถลงในวันพฤหัสบดีว่า ชาวซีเรียประมาณ 350,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก อพยพหนีตายการเปิดฉากโจมตีครั้งใหม่ของกองทัพซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย ในพื้นที่ยึดครองของฝ่ายกบฏในจังหวัดอิดลิบ ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยทะลักไปยังศูนย์อพยพหลายแห่งบริเวณพรมแดนติดกับตุรกี ซึ่งโอซีเอชเอ ระบุในรายงานสถานการณ์ล่าสุดว่า สภาพความเป็นอยู่ของประชาชนกำลังเลวร้ายลง เพราะการสู้รบเพิ่มมากขึ้น

เครื่องบินรบรัสเซียและปืนใหญ่ของกองทัพซีเรีย ยิงถล่มหลายเมืองและหลายหมู่บ้านในการโจมตีครั้งใหม่ โดยมีกองกำลังหัวรุนแรงฝักใฝ่อิหร่านให้การสนับสนุน และมีจุดมุ่งหมายเพื่อกวาดล้างกลุ่มกบฏ

เดวิด สวอนสัน โฆษกของโอซีเอชเอฝ่ายกิจการซีเรีย กล่าวกับรอยเตอร์ว่า คลื่นการอพยพครั้งล่าสุดนี้ ยิ่งทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในพื้นที่จังหวัดอิดลิบเลวร้าย หลังจากเครื่องบินรบรัสเซียและซีเรียรื้อฟื้นการโจมตีพื้นที่พลเรือนในดินแดนที่กบฏยึดครอง 2 วัน หลังข้อตกลงหยุดยิงที่ผ่านความเห็นชอบระหว่างตุรกีและรัสเซีย มีผลบังคับใช้อย่างเป็นอย่างการไปในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ปฏิเสธเมื่อวันพฤหัสบดีต่อรายงานข่าวของสื่อมวลชนที่บอกว่า รัสเซียโจมตีเป้าหมายพลเรือนในจังหวัดอิดลิบ โดยบอกว่า ไม่มีปฏิบัติการของเครื่องบินทหารตั้งแต่บรรลุข้อตกลงหยุดยิงกันในวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา แต่ประชาชนและเจ้าหน้าที่กู้ภัย กล่าวว่า มีเมืองและหมู่บ้านหลายสิบแห่ง ถูกถล่มเหลือแต่ซากในการโจมตีทางอากาศในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โรงพยาบาลและโรงเรียนได้สิบแห่งถูกถล่มด้วย

คาเรน อาบูซาอีด เจ้าหน้าที่สอบสวนอาชญากรสงครามในซีเรีย กล่าวกับผู้สื่อข่าวในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า โรงเรียนหลายแห่งถูกทำลายและต้องปิดการเรียนการสอนในพื้นที่ยึดครองของฝ่ายค้าน ซึ่งขณะนี้ ถูกใช้เป็นสถานที่พักพิงชั่วคราวสำหรับประชาชนที่หลบหนีความรุนแรง