อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2565 รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาไม่ให้ราคาค่าไฟ-น้ำมันปรับสูงขึ้น

วันนี้ (21 ก.ค.65) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่แสดงความเป็นห่วงถึงเรื่องของค่าไฟฟ้าและน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นว่า ค่าไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นเป็นรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับฐานการคำนวณค่าไฟฟ้า ซึ่งในอดีตเมื่อปี 2557-2558 ก็มีการปรับวิธีคำนวณค่าฐานไฟฟ้าเช่นเดียวกัน โดยนำค่า FT ณ เวลานั้นมาคำนวณด้วย 

เนื่องจากก๊าซธรรมชาติในเวลานั้นมีเพียงพอไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ค่าไฟฟ้าจึงดูเหมือนไม่ได้ปรับสูงมาก ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันที่ก๊าซธรรมชาติในประเทศพร่องลงไปและรัฐบาลต้องมีแผนนำเข้าจากต่างประเทศ มิเช่นนั้นจะเกิดวิกฤติด้านพลังงานได้ ทำให้ต้องนำต้นทุนในส่วนนี้มาพิจารณาด้วย 

ดังนั้นในปัจจุบันหากมีการใช้ไฟฟ้ามากก็จำเป็นต้องจ่ายค่าไฟมากเช่นกัน เพราะด้วยต้นทุนจากการนำเข้าที่สูง แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่อยากให้เป็นภาระของประชาชน จึงจำเป็นต้องพิจารณาและดำเนินการทุกอย่างให้รอบคอบที่สุด โดยพิจารณาถึงการสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและการดูแลกลุ่มเปราะบาง ซึ่งคาดว่าสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้จะมีความชัดเจน

ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น เป็นเพราะสถานการณ์ในโลกที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยด้วย แต่ทั้งนี้รัฐบาลได้พยายามประคับประคองและดูแลราคาน้ำมันให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ ซึ่งหากเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนราคาน้ำมันของประเทศไทยอยู่ในลำดับที่8 ซึ่งถือว่าไม่แพงมากนัก 

ขณะที่น้ำมันเบนซินก็ปรับลดลงต่อเนื่อง ดังนั้นขอให้ประชาชนอดทนรอสถานการณ์ของโลกที่ขณะนี้ยังมีความผันผวน ขณะเดียวกันน้ำมันดีเซลรัฐบาลจะดูแล เพราะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งด้านสถานการณ์เศรษฐกิจและเงินเฟ้อ พร้อมยืนยันว่าเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้นำมาประคับประคองราคาน้ำมันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจวงกว้างมากเกินไป ส่วนราคาก๊าซหุงต้มก็จะดูแลอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เป็นภาระของประชาชน

ภาพจาก กระทรวงพลังงาน (แฟ้มภาพ)