TNN online อุทาหรณ์! "พิตบูล" เพื่อนบ้านหลุด พุ่งขย้ำเด็ก 3 ขวบ เจ้าของพร้อมรับผิดชอบ

TNN ONLINE

ภูมิภาค

อุทาหรณ์! "พิตบูล" เพื่อนบ้านหลุด พุ่งขย้ำเด็ก 3 ขวบ เจ้าของพร้อมรับผิดชอบ

อุทาหรณ์! พิตบูล เพื่อนบ้านหลุด พุ่งขย้ำเด็ก 3 ขวบ เจ้าของพร้อมรับผิดชอบ

สุนัขพันธุ์ "พิตบูล" ของเพื่อนบ้านหลุด พุ่งขย้ำเด็ก 3 ขวบอาการหนัก พ่อแม่ เผย หลังลูกออกจากรพ.ยังผวา ไม่กล้านอนที่บ้าน ด้าน เจ้าของสุนัขยืดอกพร้อมรับผิดชอบ ชี้เป็นเหตุสุดวิสัยไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ปฏิเสธย้ายสุนัขออกจากหมู่บ้านไม่ใช่ทางออก

เกิดเหตุสุนัขพิตบูลสีขาวไม่ทราบเพศ เป็นสุนัขเพื่อนบ้านในซอยเดียว หลุดออกมาจากบ้านพัก ก่อนจะวิ่งเข้ามาขย้ำกัดที่แขนของเด็ก 3 แผล ขณะกำลังขี่มอเตอร์ไซค์เด็กเล่นอยู่บริเวณถนนหน้าบ้านจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.64 เวลาประมาณ 17.45 น. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร

วันนี้ (16 มิ.ย.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกัลป์พล กับ นางสาวศิริมาศ พ่อแม่ของน้องเปียโน เด็กหญิงวัย 3 ขวบ เล่าว่า ในวันเกิดเหตุนั้น แม่พาน้องเปียโนออกมาขี่มอเตอร์ไซค์สำหรับเด็กเล่นที่บริเวณถนนหน้าบ้านของตนเอง ส่วนพ่อกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน สักพักเดียวช่วงที่แม่หันหลังให้ลูก ก็มีสุนัขพิตบูลสีขาวที่เพื่อนบ้านเลี้ยงไว้ หลุดออกมาจากประตูรั้ว แล้วก็วิ่งเข้ามาขย้ำกัดลูกสาวจนล้มลงจากรถ ซึ่งแม่และพ่อของลูกได้รีบเข้าไปไล่สุนัข ก่อนที่แม่จะเป็นคนเข้าไปอุ้มลูกสาวขึ้นมากอดแนบไว้ในอก เพราะน้องเปียโนขวัญเสียเป็นอย่างมาก ส่วนพ่อก็พยายามไล่สุนัขที่จะวิ่งกลับเข้าไปขย้ำลูกสาวไม่หยุด

หลังเกิดเหตุทางครอบครัวได้พาลูกสาวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนอนพักเป็นเวลา 3 วัน 4 คืน พอกลับมาบ้านลูกสาวก็เอาแต่ร้องไห้ สะดุ้งผวา และบอกว่ากลัวไม่ยอมนอนจะไปอยู่บ้านยาย จนในที่สุดก็ต้องพาไปพักฟื้นที่บ้านของคุณยาย

ส่วนทางคู่กรณีเจ้าของสุนัขเคยได้มาพูดคุยบ้าง บอกว่ายอมรับผิดที่สุนัขหลุดออกมาจากบ้านแล้ววิ่งเข้ามากัดลูกสาว เหตุเพราะทางเจ้าของสุนัขปิดประตูรั้วบ้านไม่สนิท ทำให้สุนัขหลุดออกมาทำร้ายเด็ก ซึ่งต่อมาก็ได้ทำที่กั้นสุนัขไว้แล้ว แต่ตนเห็นว่าแค่นั้นคงยังไม่ปลอดภัย จึงขอให้เจ้าของนำสุนัขออกไปอยู่ที่อื่น อย่าไว้ในหมู่บ้านที่มีเด็กอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากแบบนี้ เพราะไม่รู้ว่าวันไหนจะหลุดออกมาทำร้ายได้อีก ซึ่งทางเจ้าของบ้านที่มีอยู่ 2 คนนั้น คนหนึ่งยอม แต่อีกคนหนึ่งกลับมีทีท่าไม่ยอม จึงทำให้หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่เด็กเสียความรู้สึก และกังวลเป็นอย่างมากว่านับแต่นี้ชีวิตของลูกตนจะไม่มีความปลอดภัยอีกแล้ว แม้จะเล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านของตนเอง หากวันนั้นไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ลูกสาวของตนซึ่งเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนี้จะเป็นอย่างไร เพราะด้วยนิสัยของสุนัขพิตบูลนั้น เป็นสุนัขสายพันธุ์ดุร้าย หากได้กัดเหยื่อแล้วต้องกัดจนกว่าเหยื่อจะแน่นิ่ง

นายกัลป์พล คุณพ่อของน้องเปียโน กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุนั้น ตนได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร แล้ว โดยส่วนตัวแล้วตนเองเพียงแค่ต้องการให้เจ้าของสุนัข นำสุนัขสายพันธุ์ดุแบบนี้ออกไปไว้ที่อื่น ห่างไกลจากคนในหมู่บ้านที่มีอยู่เป็นจำนวนมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษานั้น ก็เป็นเรื่องของคดีความที่จะต้องดำเนินการรับผิดชอบตามกฎหมายอยู่แล้ว อีกทั้งตนยังได้ทำเรื่องไปยังส่วนกลางขอให้มีการสำรวจและวางระเบียบในการเลี้ยงสุนัขดุ หรือสัตว์เลี้ยงสายพันธุ์ดุร้ายภายในหมู่บ้านไว้อย่างชัดเจน เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาแบบนี้กับลูกหลาน หรือครอบครัวอื่นอีก และสุดท้ายคืออยากให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาควบคุมเรื่องของการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ดุร้ายภายในหมู่บ้านหรือชุมชนด้วย 

ด้าน นายจุฑาวัชร วิชกูล อายุ 30 ปี เจ้าของสุนัขพันธุ์พิตบูลบูลลี่ ยอมรับว่าในวันเกิดเหตุนั้น ตนเองออกไปทำธุระพอกลับเข้าบ้านมาก็ปิดประตูเหมือนทุกครั้งที่ทำเป็นประจำ เพราะคิดว่าปิดสนิทดีแล้วจึงไม่ได้หันไปดูซ้ำแต่จริงๆ แล้วมันยังไม่สนิท จึงทำให้สุนัขที่วิ่งเล่นอยู่ในบ้านลอดออกไปได้ หลังจากนั้นตนก็ไปล้างจานหลังบ้าน จนกระทั่งได้ยินเสียงคนร้องก็วิ่งออกมาดูเห็นว่าสุนัขของตนออกไปกัดเด็ก จึงรีบเข้าไปจับสุนัขไว้แล้วพาเข้าบ้าน ซึ่งเหตุการณ์นี้มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

ทั้งนี้ พร้อมที่จะดูแลรักษาเด็กให้ดีที่สุด ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ได้แวะไปเยี่ยมเยียนและพร้อมที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด ส่วนเรื่องของสุนัขที่กัดเด็กนั้น ขณะนี้ตนเองได้ทำคอกกั้นสุนัขไว้หลังบ้านแล้ว และยืนยันว่าไม่เคยปล่อยปละละเลยสุนัขที่ตนเองเลี้ยงไว้ ส่วนที่สุนัขสายพันธุ์พิตบูลบูลลี่ วิ่งออกไปกัดเด็กนั้น เชื่อได้ว่าอาจจะมาจากพฤติกรรมฝังใจของสุนัข ที่เคยได้ยินเสียงเด็กๆ ในหมู่บ้านปั่นจักรยานมาส่งเสียงดังรบกวน พอได้ยินเสียงน้องเล่นอยู่ จึงทำให้สุนัขเกิดความหงุดหงิดแล้ววิ่งไปกัด

ส่วนที่ต้องมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่โรงพักนั้น เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนไม่เคยปล่อยปละละเลยในการเลี้ยงสุนัข และไม่เคยคิดที่จะปัดความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ตามข้อเรียกร้องของพ่อแม่เด็กที่ต้องการให้เอาสุนัขไปไว้ที่อื่น แม้จะมองว่าเป็นทางออกทางหนึ่งตามความต้องการของคู่กรณี แต่ก็ยังไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับพวกตนและสุนัขที่เลี้ยงไว้ เพราะหากนำไปไว้ที่อื่นแล้วใครจะเลี้ยงดูและเข้าใจสุนัขเหล่านี้ได้ดีเท่ากับเจ้าของที่เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ ซึ่งก็คงต้องมีการเจรจาหาข้อตกลงและเป็นทางออกที่ดีที่สุดกับทั้งสองฝ่ายต่อไป

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง