DSI รุดตรวจสอบนายทุนรุกที่วิทยาลัยเทคนิคถลาง

TNN ONLINE

ภูมิภาค

DSI รุดตรวจสอบนายทุนรุกที่วิทยาลัยเทคนิคถลาง

DSI รุดตรวจสอบนายทุนรุกที่วิทยาลัยเทคนิคถลาง

อธิบดีกรมสอบสวนพิเศษสั่ง เจ้าหน้าที่ DSI สนธิกำลังร่วมกับชุดพยัคฆ์ไพร ตำรวจป่าไม้ ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังพบกลุ่มทุนรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

วันที่ 14 กันยายน 2563 นางสาวกชกร บุษราภรณ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคถลาง และนางกาญจนา ตัณทราวัฒน์พันธ์ รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคถลาง จ.ภูเก็ต ได้ส่งมอบเอกสารการจัดตั้งวิทยาลัยและพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้วิทยาลัยเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน ให้กับ นายเจตนา เหมมุน ผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์ข้อมูลอาชญากรรมและการข่าว กองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ และนายภัทรพล จิ๋วหนองโพธิ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ซึ่งเป็นตัวแทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามคำสั่งของ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ตามคำร้องทุกข์ โดยมีนายจำรูญ เกิดดำ ประธานเครือข่ายอนุรักษ์พื้นที่อ่าวไทย-อันดามัน เป็นสักขีพยาน ต่อหน้านายศุภชัย สุกใส ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปราม 4 ภาคใต้กรมป่าไม้ ทำหน้าที่หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพรภาคใต้

นางกาญจนา เปิดเผยว่า วิทยาลัยเทคนิคถลาง ได้รับอนุมัติให้ใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2540 เนื้อที่ 142 ไร่ 1 งาน 17 ตารางวา เพื่อใช้ในการจัดตั้งวิทยาลัยเทคนิคภูเก็ต 2 จัดการศึกษา ต่อมา ได้บริหารจัดการโดยแยกเป็นวิทยาลัยเทคนิคถลาง โดยที่กรมอาชีวศึกษาในสมัยนั้น ได้จ่ายเงินทดแทนผลอาสินให้แก่ผู้บุกรุกถือครองที่ดิน กว่า 1,528,800 บาท ไปแล้ว ต่อมา วิทยาลัยเทคนิคถลาง สำรวจพื้นที่พบว่ามีการบุกรุกถือครองพื้นที่วิทยาลัยเทคนิคถลาง ด้วยการลงหลักปักรั้ว รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของวิทยาลัยฯ โดยรั้วที่ปักได้รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่วิทยาลัยประมาณ 100 ไร่ ในการนี้ วิทยาลัยเทคนิคถลาง จึงได้คิดโครงการทวงคืนพื้นที่ โดยใช้หัวเรื่องว่า “ป่าดิบชื้นคืนเกาะ” ตามแนวคิดที่จะอนุรักษ์พื้นที่ป่า ซึ่งมีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เหลืออยู่จำนวนมาก ให้อยู่คู่กับสิ่งปลูกสร้างของวิทยาลัยฯ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ได้มีโอกาสใช้พื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยนายอดิศักดิ์ ชัชเวช ประธานกรรมการอาชีวศึกษาภูเก็ต เป็นผู้ลงนามแต่งตั้งเครือข่ายมาช่วยวิทยาลัยเทคนิคถลาง ทวงคืนที่ดินซึ่งขณะดำเนินการล้อมรั้วและปลูกต้นไม้ ตามเงื่อนไขของกรมป่าไม้ ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่วิทยาลัยเทคนิคถลาง ถูกคุกคามด้วยนานาวิธีการ ล่าสุดได้มีการร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงค์ธรรม ซึ่งวิทยาลัยฯ ไม่มีบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในข้อกฏหมายหรือความเชี่ยวชาญในการดำเนินการตามรูปรอยแผนที่ ที่ได้รับอนุญาต วิทยาลัยฯ จึงได้ขอความอนุเคราะห์จากนายศุภชัย สุกใส ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปราม 4 กรมป่าไม้ มาดำเนินการลงหลักอ่านแปลพิกัดจากดาวเทียมมายังพื้นที่จริง

นายศุภชัย กล่าวว่า การมาช่วยวิทยาลัยเทคนิคถลาง รักษาพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตเป็นหน้าที่ของตนและวิทยาลัยก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของกรมป่าไม้โดยเฉพาะการที่จะต้องแจ้งกรมป่าไม้ว่าพื้นที่โดยรอบการได้รับอนุญาตมีการบุกรุกหรือไม่ ซึ่งวันนี้ได้ลงมาตรวจสอบแนวเขตและรูปรอยแผนที่ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่ป่าเพื่อการจัดการศึกษาของวิทยาลัย หลังจากที่ได้ลงพิกัดในพื้นที่จริง ซึ่งจากการตรวจสอบวิทยาลัยได้ดำเนินการตามพิกัดที่ได้ดำเนินการกำหนดจุดไว้ให้ ส่วนมีผู้ใช้เอกสารสิทธิยื่นเรื่องแก่วิทยาลัยเพื่อเข้าครอบครองพื้นที่ได้ประสานกับผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์ข้อมูลอาชญากรรมและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ และได้ชี้ประเด็นให้เห็นถึงที่มาที่ไปของเอกสารแล้วว่าชอบหรือไม่

นายเจตนา ผอ.ส่วนวิเคราะห์ข้อมูลอาชญากรรมฯ กล่าวว่าอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหมายให้ตนเอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เดินทางลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อช่วยเหลือวิทยาลัยเทคนิคถลาง ตามคำร้องทุกข์ ซึ่งหลังจากที่ได้รับมอบเอกสารหลักฐานและตรวจสอบในพื้นที่ในเบื้องต้น พบว่ามีขบวนการต่างๆ ที่มีความซับซ้อนน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะได้รวบรวมข้อมูลและเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้รายงานเสนอต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาสั่งการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

นายจำรูญ กล่าวว่าจากการที่เป็นครูใหญ่เก่าและได้รับการแต่งตั้งให้มาช่วยวิทยาลัย รู้สึกว่าวิทยาลัยถูกคุกคาม จากกลุ่มบุคคลที่มีอิทธิพลใช้เอกสารที่น่าจะไม่ชอบด้วยกฏหมายเรียกร้องบุกรุกพื้นที่วิทยาลัย บางรายได้รับเงินเยี่ยวยาจากกรมอาชีวะในสมัยนั้นไปแล้ว แต่มีผู้อื่นเข้ามายึดถือครอบครองพื้นที่อีกเมื่อตัวเองเจ็บป่วยไม่สามารถดำเนินการครอบครองได้ก็ให้บุคคลอื่นที่อาจจะมีความสัมพันธ์เชิงครอบครัวเข้ามายึดถือครอบครองซึ่งในความหมายน่าจะต้องตีความว่าเป็นผู้บุกรุกใหม่

ทั้งนี้ พบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความพยายามยื่นขอเอกสารสิทธิ์ เพื่อก่อสร้างเป็นบ้านพักตากอากาศของกลุ่มทุน เนื่องจาก เป็นพื้นที่ที่มีทัศนียภาพที่งดงาม มองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจน โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดกลุ่มทุนระบุว่า ได้มีการสำรองเงินไร่ละ 10,000,000 บาท ในการวิ่งเต้นออกเอกสารสิทธิ์บนที่ดินป่าสงวนแห่งชาติแปลงนี้




เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE