ชาวบ้านทวง! งบขุดลอกคลองแก้ภัยแล้ง บอกจะมาช่วย แต่กลับเงียบ

วันที่ 23 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานที่บ้านห้วยน้ำใส ม.7 ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี นายสมบัติ คำเรือง ผู้ใหญ่บ้านห้วยน้ำใส ม.7 พร้อมกับตัวแทนชาวบ้าน และพระภิกษุ ได้หอบเอกสารจำนวนมาก มาให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งเป็นรายชื่อชาวบ้านและหนังสือที่เจ้าหน้าที่จากสำนักงานชลประทานที่ 7 อุบลราชธานี นำมาให้ชาวบ้านกรอกรายละเอียดเพื่อประกอบการดำเนินการโครงการขุดลอกคลองบริเวณอ่างเก็บน้ำของหมู่บ้าน ตามโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของสำนักงานชลประทานที่ 7 อุบลราชธานี จะดำเนินการช่วยเหลือชาวบ้าน แต่เมื่อชาวบ้านได้ดำเนินการด้านเอกสารสมบูรณ์แล้ว ทางสำนักงานชลประทานที่ 7 กลับไม่เข้ามาดำเนินการขุดลอกคลองตามที่มาแจ้งให้ชาวบ้านไว้ และยังไม่สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเวลาผ่านไปหลายเดือนแล้ว ความเดือดร้อนที่ชาวบ้านขาดแคลนน้ำก็เริ่มรุนแรงขึ้น

นายสมบัติ คำเรือง ผู้ใหญ่บ้านห้วยน้ำใส ม.7 ต.ช่องเม็ก เปิดเผยว่าเมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานชลประทานที่ 7 อุบลราชธานี ได้ออกมาแจ้งต่อตนและชาวบ้านว่าทางจังหวัดได้มีโครงการที่จะมาขุดลอกคลองที่ชลประทานของหมู่บ้าน เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ที่หมู่บ้านประสบมาทุกปี และขอให้ชาวบ้านได้กรอกเอกสารแสดงความยินยอมให้ทางราชการใช้ประโยชน์ในที่ดิน จากนั้นชาวบ้านก็ได้มาดำเนินการด้านเอกสารเป็นเสร็จแล้ว ผ่านมาหลายเดือนทางกรมชลประทานกลับไม่เข้ามาดำเนินการแต่อย่างใด ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้าน ทั้งบ้านห้วยน้ำใส ม.7 และบ้านสวนป่า ม.11 ได้รับความเดือดร้อนอย่างมากเพราะน้ำตื้นเขิน ไม่สามารถนำน้ำมาผลิตเป็นน้ำประปาได้

ขณะที่นายทองอินทร์ บุญศรี สมาชิก อบต.ช่องเม็ก กล่าวว่าสำหรับอ่างเก็บน้ำของหมู่บาน ปัจจุบันได้สูบน้ำมาใช้เป็นน้ำประปาของทั้งสองหมู่บ้าน แต่ใช้งานไม่ได้เพราะน้ำตื่นเขิน และมีสีแดงจนชาวบ้านไม่มีน้ำใช้ หากน้ำมาใช้น้ำก็สกปรกไม่สามารถนำไปอาบ หรือใช้ภายในครัวเรือนได้ บางรายใช้อาบก็เกิดมีตุ่มและเกิดผื่นคันตามร่างกาย ซึ่งมีวความจำที่จะต้องขุดลอกให้ลึกขึ้น จะได้นำมาผลิตประปาได้มีคุณภาพมากขึ้น แต่การที่สำนักงานชลประทานที่ 7 อุบลราชธานี กลับไม่มาติดตาช่วยเหลือชาวบ้านตามที่ได้ออกมาแจ้งประกาศแก่ชาวบ้าน จึงวิงวอนให้เข้ามาเห็นใจชาวบ้าน ที่ได้ใช้น้ำสกปรก

 ด้านนายสง่า วรรณทวี สมาชิก อบต.ช่องเม็ก ม.7 กล่าวว่าจากการที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออก พ.ร.ก.กู้เงินมา จำนวน 1 ล้านล้านบาท และในวงเงิน สี่แสนล้านบาทนั้น จะนำมาใช้เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำให้เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าเกษตร ตามเอกสารแนบท้ายของ พ.ร.ก.เงินกู้นั้นได้ แต่ตอนนี้ชาวบ้านในตำบลนี้ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร แต่การไม่มีแหล่งน้ำที่สามารถใช้ได้ จะให้ชาวบ้านเอาน้ำมาจากที่ไหนในการทำการเกษตรตามความประสงค์ของรัฐบาล ซึ่งตอนนี้ลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรน่า หลายคนก็ตกงานจากโรงงาน กลับมาอยู่บ้าน แต่เมื่อจะมาทำเกษตรเพื่อเลี้ยงครอบครัวก็ไม่สามารถทำได้เพราะขาดแหล่งน้ำ จึงวิงวอนให้รัฐบาลเข้ามาตรวจสอบและช่วยเหลือทำการขุดลอกคลองให้ชาวบ้านด้วย