เปิดปมเสือโคร่งของกลางวัดป่าหลวงตาบัว เหตุใดจึงตายถึง 86 ตัว?
เสือโคร่งของกลาง 147 ตัว ที่กรมอุทยานฯ ตรวจยึดไปจาก วัดป่าหลวงตาบัว เกิดอาการป่วยตายไปแล้วถึง 86 ตัว จึงเกิดความสงสัยถึงสาเหตุการตายของเสือจำนวนมาก
เสือโคร่งของกลาง 147 ตัว ที่กรมอุทยานฯ ตรวจยึดไปจาก วัดป่าหลวงตาบัว จังหวัดกาญจนบุรี โดยนำไปดูแลที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง และเขาสน จังหวัดราชบุรี นั้น เกิดอาการป่วยตายไปแล้วถึง 86 ตัว ทำให้หลายฝ่ายเกิดความสงสัยถึงสาเหตุการตาย ของเสือจำนวนมากขนาดนี้ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้มีการชี้แจงว่าเกิดจาก โรคอัมพาตลิ้นกล่องเสียง
สร้างความตกใจ และเศร้าใจให้ผู้ที่ทราบข่าวว่าเสือโคร่งของกลาง จำนวน 147 ตัว ที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทำการตรวจยึดไปจาก วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน จังหวัดกาญจนบุรี และนำมาดูแลไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง และเขาสน จังหวัดราชบุรี นั้น เกิดอาการป่วยตายไปแล้วถึง 86 ตัว
เจ้าหน้าที่ระบุว่า พบอาการของโรคอัมพาตลิ้นกล่องเสียงในเสือโคร่งของกลาง มาตั้งแต่แรกรับมาดูแลที่เขาประทับช้าง ในช่วงเดือน มิถุนายน 2559 แม้จะมีการจัดการสุขภาพเสือและดูแลสุขอนามัย มาเรื่อยๆ แต่พบว่ากลุ่มเสือโคร่งที่ตายส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ไซบีเรีย ที่เกิดจากการเพาะพันธุ์ในครอบครัวเดียวกัน จนไม่มีภูมิคุ้มกันตัวเองที่ดีพอ โดยโรค อัมพาตลิ้นกล่องเสียงถือเป็นโรคที่มักพบในกลุ่มเสือ และกลุ่มแมว
เสือของกลาง เริ่มตายตัวแรกตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2559 และทยอยตายเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยเจ้าหน้าที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง และเขาสน จ.ราชบุรี ได้รายงานเรื่องนี้ให้ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ รับทราบข้อมูลแล้ว ส่วนซากเสือของกลางได้จัดการซาก บางส่วนมีการแช่ฟอร์มาลีน และฝังตามหลักวิชาการ
นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ชี้แจงว่า หลังได้รับรายงานเรื่องนี้ ก็ได้ให้มหาวิทยาลัยมหิดล เข้ามาตรวจพิสูจน์ คาดว่าจะทราบได้ผลภายในสัปดาห์นี้ พร้อมยืนยันว่ากรมอุทยานฯ ดูแลเสือเป็นอย่างดีตามหลักวิชาการ ซึ่งการติดเชื้ออาจจะเกิดขึ้นมาได้ เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมรายละเอียดทั้งหมด โดยเสือ 86 ตัวทยอยตาย ไม่ได้ตายรวดเดียว
ด้าน หลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หรือวัดเสือ ระบุว่า เสือเหล่านี้อยู่ที่วัดก็ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อกรมอุทยานฯ มาเอาไปก็ไม่รู้จะทำอย่างไร โดยหลังจากที่มาเอาเสือไปก็ได้แต่สอบถามข่าวคราว เชื่อว่ากรณีที่เสือตายลงไปเกิดจากคนเลี้ยงขี้เกียจ เมื่อเสือเริ่มมีอาการป่วยก็ไม่ได้ทำการรักษา ปล่อยจนกระทั่งอาการหนักขึ้น
หลวงตาจันทร์ ยังยืนยันว่า ขณะที่เสืออยู่ที่วัดนั้น พระสงฆ์ภายในวัดและคนงานที่นี่มีการดูแลเสือเป็นอย่างดี ทุกคนรักเสือ ไม่มีใครคิดทำร้ายเสือ และชาวบ้านต่างก็มีงานทำ และใช้ความรักในการฝึกสอนจนเสือเชื่องและสามารถทำตามคำสั่งได้ จึงอยากให้ตรวจสอบว่า ซากเสือที่ตายทั้งหมดอยู่ที่ไหน มีการลักลอบนำซากออกไปขายหรือไม่
นอกจากนี่ หลวงตาจันทร์ ยังเผยด้วยกว่า หากกรมอุทยานฯ เลี้ยงเสือที่เหลืออยู่ไม่ได้ ก็ขอให้เอากลับมาให้ที่วัด โดยทางวัดมีความพร้อมที่จะเลี้ยง เพราะเคยเลี้ยงและรู้วิธีการเลี้ยงเป็นอย่างดี และจะทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี และประเทศไทย
สำหรับเสือโคร่งของกลางจากวัดป่าหลวงตาบัวญาณสัมปันโน ถูกตรวจสอบ และยึดเป็นของกลาง โดยกรมป่าไม้ ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2544 เนื่องจากวัดครอบครองเสือโคร่ง สัตว์ป่าคุ้มครองภายใต้พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่กรมป่าไม้มอบหมายให้สัตวแพทย์สมชัย วิเศษมงคลชัย เป็นผู้ดูแลเสือของกลางและฝากไว้เลี้ยงไว้ที่วัดนี้ จากเดิมที่มีพ่อแม่เสือของกลางเพียง 7 ตัว ช่วง 15 ปีจำนวนเสือโคร่งเพิ่มขึ้นเป็น 148 ตัว ท่ามกลางการร้องเรียนจากชาวต่างชาติ เรื่องการทรมานเสือด้วยการล่ามโซ่ การเลี้ยงดูเสือที่ไม่ดี ตลอดจนความปลอดภัย และยังถูกระบุเป็นแหล่งลักลอบค้าเสือ จนรัฐบาลไทยถูกตั้งคำถามจากไซเตส
ต่อมาในเดือน พ.ค.-มิ.ย.2559 กรมอุทยานฯ จึงบังคับใช้กฎหมาย ย้ายเสือโคร่งมาดูแลที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง 85 ตัว แต่ตายไปแล้ว 54 ตัว ส่วนเสือโคร่งอีก 62 ตัวส่งไปดูแลที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน จังหวัดราชบุรี ตายแล้ว 32 ตัว
ส่วนที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า เขาประทับช้าง ต.ปากช่อง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เมื่อวานนี้(15 ก.ย.) ก็พบว่า ยังคงมีนักท่องเที่ยวพาครอบครัวมาให้อาหารเสือดาวและเสือโคร่ง พร้อมชมการแสดงของสัตว์ป่าตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ก.ย.) ในเวลา 13.00 น. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้นัดแถลงรายละเอียดถึงกรณีนี้ ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
