TNN online ยกระดับอาหารเหนือสู่สากล "อั่วปูอ่อง" Kani Miso เมืองไทย

TNN ONLINE

ภูมิภาค

ยกระดับอาหารเหนือสู่สากล "อั่วปูอ่อง" Kani Miso เมืองไทย

ยกระดับอาหารเหนือสู่สากล อั่วปูอ่อง Kani Miso เมืองไทย

ร้านอาหารพื้นเมืองสร้างสรรค์เมนูสุดล้ำ “อั่วปูอ่อง” ยกระดับอาหารเหนือ เทียบชั้น Kani Miso หรือ มันปูปรุงรสของญี่ปุ่น โดยผสมผสานจานเด็ดขึ้นชื่ออย่าง อ่องปูนา กับ ไส้อั่ว เข้ากันอย่างกลมกลืนด้วยสูตรเฉพาะตัว พร้อมชู ปูนา วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นพระเอก

ร้านอาหารพื้นเมืองเหนือชื่อดังอย่างร้าน นงพรรณไส้อั่ว ที่เปิดขายควบคู่ไปกับร้านยางรถยนต์ที่เป็นธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัว ตั้งอยู่ถนนเชียงใหม่-ลำปาง ขาเข้าเมืองเชียงใหม่ ก่อนถึงไฟแดงสี่แยกข่วงสิงห์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นต้นตำรับและมีชื่อเสียงจากเมนูเด็ด “ไส้อั่วเห็ดถอบ” ที่ทำออกขายปีละครั้งเฉพาะช่วงฤดูเห็ดถอบเท่านั้นต่อเนื่องมาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ สร้างความฮือฮาน่าสนใจให้กับการสร้างสรรค์ยกระดับเมนูอาหารพื้นเมืองให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลพร้อมส่งเสริมการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในการปรุงอาหารอีกครั้ง ด้วยการนำเมนูอาหารเหนือขึ้นชื่ออย่าง “อ่องปูนา” กับ “ไส้อั่ว” มาผสมผสานกันด้วยสูตรเฉพาะตัวที่คิดค้นขึ้นมาเอง จนกระทั่งออกมาเป็นเมนูแปลกใหม่ที่ทางร้านเรียกว่า “อั่วปูอ่อง”

ยกระดับอาหารเหนือสู่สากล อั่วปูอ่อง Kani Miso เมืองไทย

นางอนงพรรณ โฆษิตสกุลชัย อายุ 69 ปี บอกว่า หลังจากที่สิ้นสุดช่วงฤดูเห็ดถอบไปแล้ว เกิดแนวความคิดที่อยากจะพัฒนาสร้างสรรค์เมนูที่แปลกใหม่และตอกย้ำรสชาติความอร่อยของอาหารเหนือให้เป็นที่รู้จักขึ้นมาอีก โดยเห็นว่า อ่องปูนา  อาหารพื้นเมืองที่ใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นอย่างปูนา เป็นอีกเมนูหนึ่งที่น่าจะได้รับการยกระดับ ด้วยการนำมาประยุกต์ผสมผสานเข้ากับเมนูไส้อั่วอีกหนึ่งอาหารเหนือที่เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วและเป็นเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน จึงเริ่มต้นคิดค้นและปรับปรุงสูตรอาหารเมนูนี้นานกว่า 3 เดือน จนกระทั่งรสชาติอร่อยกลมกล่อมลงตัวและมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ที่ให้ความรู้สึกและรสสัมผัสแปลกใหม่ เหมือนกับรับประทาน อ่องปูนา กับ ไส้อั่ว ในคำเดียวกัน


สำหรับวัตถุดิบหลักของเมนูนี้นั้น ประกอบด้วย “เนื้อปูนา” และ “มันปูนา” ที่รวบรวมรับซื้อมาจากชาวบ้านและเกษตรกรในพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ อำเภอหางดง อำเภอสันกำแพง และ อำเภอแม่ริม เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับคนท้องถิ่น ซึ่งในส่วนของเนื้อปูนานั้น จะบดแล้วคั้นกรองเอากระดองปูออกไป จากนั้นนำมาผสมคลุกเคล้าจนเข้ากัน เป็นเนื้อเดียวกัน กับวัตถุดิบในการทำไส้อั่ว ทั้งเนื้อหมูและมันหมูบด รวมทั้งน้ำพริก และ น้ำปรุงรสที่เป็นสูตรเฉพาะ พร้อมใบมะกรูดสับ ต้นหอมสับ และผักชีสับ เพิ่มเติมด้วยอะโวคาโด ซึ่งเมื่อส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดีแล้ว จากนั้นนำไปหยอดใส่กระดองปูม้าจากทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่รองด้วยใบเตยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม แล้วเอาไปย่างไฟในเตาถ่านกะลามะพร้าว จนกระทั่งสุกหอมมันเยิ้มเป็นครีม และโรยหน้าด้วยไข่กุ้ง ดูคล้ายคานิมิโซะ (Kani Miso) หรือ มันปูปรุงรส ของญี่ปุ่น พร้อมรับประทานกับข้าวร้อน ๆ ทั้งข้าวสวยหรือข้าวเหนียว

ยกระดับอาหารเหนือสู่สากล อั่วปูอ่อง Kani Miso เมืองไทย

โดยเมนู อ่องปูนา นั้น นางอนงพรรณ บอกว่า ทางร้านตั้งเตาย่างใหม่ ๆ วางขายทั้งทางหน้าร้านในราคาชิ้นละ 70 บาท หรือ 3 ชิ้น ราคา 200 บาท และแพกสูญญากาศแช่เย็นพร้อมส่งให้ลูกค้าที่สั่งซื้อจากทั่วประเทศโดยคิดค่าส่งตามจริง พร้อมกับเมนูอื่น ๆ ได้แก่ ไส้อั่วเห็ดหอมขาหมู, ไส้อั่วสูตรดั้งเดิม, ไส้อั่วปลาหมึก, ไส้อั่วสะตอ, ไส้อั่วสามเซียน (เห็ดสามอย่าง), ซี่โครงหมูย่าง, สันคอหมูย่าง, น้ำพริกหนุ่ม และน้ำพริกตาแดง ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถดูรายละเอียด และ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ ทางเฟซบุ๊ก “นงพรรณไส้อั่วย่าง” หรือ line id : nongphanfood


นอกจากนี้นางอนงพรรณ บอกด้วยว่า ตลอดช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ตัวเอง และครอบครัวเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์โควิด-19 เช่นกัน โดยร้านขายยางรถยนต์ ที่เป็นธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัว ประสบปัญหายอดขายตกต่ำอย่างมาก จนรายรับไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ที่ต้องเลี้ยงดูลูกน้อง เป็นสิบชีวิต และต้องนำเงินเก็บมาใช้ประคับประคองธุรกิจ


อย่างไรก็ตาม จากการที่ตัวเองเป็นคนชอบทำอาหาร และทำขายเป็นธุรกิจเสริมกึ่งงานอดิเรกควบคู่กันมาอยู่แล้ว จึงได้ปรับเปลี่ยนให้ลูกจ้างร้านยางมาช่วยงานในส่วนของการทำอาหาร แทนที่จะต้องเลิกจ้างไป ซึ่งจากการที่ตัวเองชอบประยุกต์สร้างสรรค์เมนูแปลกใหม่ และใส่ใจการทำอาหารด้วยการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี รวมทั้งพิถีพิถันทุกขั้นตอน เหมือนทำให้คนในครอบครัวกิน ทำให้ได้รับผลตอบรับอย่างดีจากลูกค้า จนฝ่าฟันช่วงวิกฤติมาได้ ซึ่งต้องขอบคุณลูกค้าทุกคนที่ให้การสนับสนุน และอยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤติ โดยขอให้เชื่อมั่นในตัวเองว่าทุกคนมีจุดแข็งของตัวเอง และใช้ให้เป็นประโยชน์ รวมทั้งต้องมีสติ และอย่ายอมแพ้


ข้อมูลจาก : ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดเชียงใหม่

ภาพจาก : ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดเชียงใหม่

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง