TNN มีเซ็กส์อย่างไรให้ปลอดภัย 101 "ป้องกันไว้ ดีกว่าแก้" ไม่เสี่ยงติดโรคร้าย!

TNN

Health

มีเซ็กส์อย่างไรให้ปลอดภัย 101 "ป้องกันไว้ ดีกว่าแก้" ไม่เสี่ยงติดโรคร้าย!

มีเซ็กส์อย่างไรให้ปลอดภัย 101 ป้องกันไว้ ดีกว่าแก้ ไม่เสี่ยงติดโรคร้าย!

มีเซ็กส์อย่างไรให้ปลอดภัย "ป้องกันไว้ ดีกว่าแก้" ไม่เสี่ยงติดโรคร้าย!

การมีเพศสัมพันธ์ ถือเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ แต่การที่จะมีอย่างไร ให้ปลอดภัยและเหมาะสมถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะไม่เช่นนั้น อาจนำปัญหามาให้คุณในภายหลัง โดยเฉพาะในเรื่องของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ บางโรคอาจไม่ร้ายแรง สามารถรักษาให้หายได้ แต่สำหรับบางโรค ก็ร้ายแรงถึงขั้นทำให้เราต้องกินยาเพื่อประคองอาการไปตลอดชีวิต ดังนั้นเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องปลอดภัย จึงเป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญและไม่ควรถูกละเลย


มี “เซ็กส์” อย่างไรให้ปลอดภัย ห่างไกลโรค

การมีเพศสัมพันธ์หรือเซ็กส์อย่างไรให้ปลอดภัย มีหลากหลายวิธี แต่ที่นิยมและรู้จักกันมากที่สุด จะมีดังนี้

1. การใช้ถุงยางอนามัย

การใช้ถึงยางอนามัยในการมีเซ็กส์ทุกครั้ง สามารถช่วยให้คุณปลอดภัยจากการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อ HIV ซึ่งจะป้องกันได้สูงถึง 80 % โรคเริม โรคตับอักเสบบี โรคหูดหงอนไก่ โรคหนองในแท้และเทียม โรคซิฟิลิส ได้มาณ 55-90% นอกจากนี้ถุงยางอนามัย ยังมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดได้สูงถึง 98 % อีกด้วย

2. การใช้สารหล่อลื่น “เจล” หล่อลื่น

การใช้ถุงยางอนามัยในการมีเซ็กส์ให้มีประสิทธภาพ ควรใช้ควบคู่เจลหล่อลื่น เพราะตัวเจลนี้จะมาช่วยในการลดแรงเสียดทาน ทำให้การสอดใส่นั้นง่ายขึ้น และป้องกันไม่ให้ถุงยางฉีกขาดและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้

สำหรับสารหล่อลื่นนั้น จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท

   • สารหล่อลื่นชนิดน้ำ ที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับการมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะ โดยชนิดนี้สามารถใช้ร่วมกับถุงยางอนามัยได้

   • สารหล่อลื่นชนิดน้ำมัน เช่น ปิโตเลียมเจล ครีมต่างๆ ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้กับถุงยางอนามัยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ถุงยางเสื่อมสภาพ และฉีกขาดได้

3. กับรับประทานยาเพร็บ (PrEP) ก่อนมีเพศสัมพันธ์ 

โดยยา PrEP สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส HIV ได้ แต่สำหรับโรคทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นๆ ยาเพร็บยังไม่สามารถป้องกันได้ นอกจากนี้หากต้องการใช้ยาชนิดนี้ควรปรึกษาขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนรับยา 


ที่มาข้อมูล : ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย (คลีนิคนิรนาม), กระทรวงสาธารณสุข, โรงพยาบาลสมิติเวช

ที่มาภาพ : freepik

ข่าวแนะนำ