สำลักอาหาร มีอาการอย่างไร? แนะวิธีป้องกัน
สำลักอาหาร มีอาการอย่างไร? แนะวิธีป้องกัน เตือนเป็นเรื่องใกล้ตัว ถ้าไม่ระวังอาจอันตรายถึงชีวิต
สำลักอาหาร มีอาการอย่างไร? แนะวิธีป้องกัน เตือนเป็นเรื่องใกล้ตัว ถ้าไม่ระวังอาจอันตรายถึงชีวิต
การสำลักอาหาร ภาวะการสำลักอาหาร คือการที่มีเศษอาหารหรือน้ำ (Food particle) หลังกลืนอาหารหล่นเข้าไปอยู่ในหลอดลม ซึ่งจะทำให้เกิดอาการไอติดต่อกันหลายๆครั้งเพื่อขับดันให้เศษอาหารนั้นหลุดออกไปจากหลอดลม
ปกติแล้วเมื่อเกิดกระบวนการกลืนอาหารขึ้น โคนลิ้นจะผลักอาหารให้เข้าไปอยู่ในคอหอยจากนั้นฝาปิดกล่องเสียงจะเคลื่อนตัวลงมาปิดทางเข้าของกล่องเสียงรวมทั้งสายเสียงทั้ง 2 ข้างจะเคลื่อนตัวมาชิดกันเพื่อปิดทางเข้าของหลอดลมทำให้อาหารที่กำลังจะเคลื่อนตัวผ่านลงไปในทางเข้าของหลอดอาหารนั้น ไม่สามารถหลุดเข้าไปในหลอดลมได้ จึงไม่เกิดการสำลักขึ้นซึ่งการสำลักอาหารนั้นจึงเกิดได้จากสาเหตุต่างๆ ดังนี้
1. คนที่พูดในขณะรับประทานอาหาร หรือในขณะกลืนอาหารนั้น ฝาปิดกล่องเสียงและสายเสียงจะเปิดออกเพื่อให้เกิดเสียงพูด อาหารจึงตกลงไปในหลอดลมและเกิดการสำลักขึ้นได้
2. ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดบริเวณคอหอย เช่นผ่าตัดโคนลิ้น ผ่าตัดมะเร็งคอหอย ผ่าตัดมะเร็งกล่องเสียงจะทำให้การทำงานของอวัยวะเหล่านี้ทำงานได้ไม่สมบูรณ์ จึงเกิดการสำลักขึ้น
3. ผู้ป่วยที่สายเสียงเป็นอัมพาตขยับและทำงานไม่ได้ก็จะเกิดการสำลักอาหารและน้ำ รวมทั้งมีอาการเสียงแหบร่วมด้วย
4. ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายแสงบริเวณลำคอ บางครั้งจะเกิดการบวมของเนื้อเยื่อในคอได้ และเกิดการสำลักอาหารได้เช่นกัน
5. ผู้ป่วยที่ได้รับการดมยาสลบมีการใส่ท่อช่วยหายใจ บางครั้งจะทำให้สายเสียงบวมและทำงานผิดปกติไปได้ จึงเกิดภาวะเสียงแหบและการสำลักอาหารขึ้นได้
อาการที่มองไม่เห็นจากสำลักเงียบ
เนื่องจากการสำลักเงียบไม่มีอาการแสดงให้เห็น ทำให้ผู้ป่วยรวมถึงผู้ดูแลขาดความระมัดระวังและไม่ทราบว่ามีการสำลักอาหารหรือน้ำดื่มลงในทางเดินหายใจ จนเกิดภาวะแทรกซ้อน มีความผิดปกติให้เห็นรุนแรง เช่น ภาวะปอดอักเสบติดเชื้อ (Aspiration pneumonia) ซึ่งนำไปสู่อันตรายถึงแก่ชีวิตได้
นอกจากนี้ภาวะสำลักเงียบอาจไม่สามารถพบจากการตรวจประเมินทางคลินิกได้ เนื่องจากไม่แสดงอาการขณะทำการตรวจคัดกรองและการตรวจร่างกาย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องได้รับประเมินจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยการกลืนแป้งทางรังสีหรือการส่องกล้องเพื่อตรวจหาว่าผู้ป่วยมีภาวะสำลักเงียบหรือไม่และทำการป้องกันรักษาได้ทันท่วงที
กรณีผู้ป่วยมีการสำลักเงียบจนเกิดภาวะหลอดลมอักเสบหรือปอดอักเสบติดเชื้อ อาจมีอาการดังต่อไปนี้
-มีไข้ ไอมีเสมหะ
-หายใจลำบากหรือหอบเหนื่อย
-เจ็บแน่นหน้าอก
-ซึมลง
ซึ่งเมื่อพบสัญญาณเหล่านี้ต้องหยุดป้อนอาหารทางปากและพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทัน
อาการแสดงและอาการสำลักอาหาร
-ไม่สามารถกลืนได้หรือใช้เวลานานกว่าปกติ (ปกติใช้เวลาประมาณ 1 วินาที)
-ไอหรือสำลักขณะดื่มน้ำหรือนานกว่า 1 นาทีจึงจะแสดงอาการ
-มีเสียงครืดคราดในลำคอหลังการดื่มน้ำ
-หลังดื่มน้ำแล้วยังคงมีน้ำเหลือค้างในช่องปากหรือกระพุ้งแก้ม
-ไม่สามารถกลืนน้ำได้
-ไม่สามารถควบคุมน้ำลายไม่ให้ไหลออกจากปากได้
อาการ การสำลักสิ่งแปลกปลอมตกเข้าไปติดอยู่ในทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการอุดกั้น
-ชี้ไปที่คอ หรือเอามือกุมรอบคอ
-พูดไม่ออก
-หายใจลำบาก หายใจมีเสียงดัง
-ไอไม่มีเสียง ขย้อน
-ผิวหน้าซีด เขียว
-อาจชัก หรือหมดสติ ถ้าขาดอากาศนาน
การป้องกันการสำลักอาหาร
-จัดท่าทางในการรับประทานอาหาร โดยนั่งตัวตรงบนเก้าอี้ หลีกเลี่ยงท่านอน ในกรณีผู้ป่วยติดเตียงให้ยกศีรษะผู้ป่วยขึ้นอย่างน้อย 60-90 องศา เพื่อป้องกันการสำลักเข้าปอด และไม่ควรนอนทันทีหลังรับประทานอาหารทุกมื้อ
-ก้มหน้าเล็กน้อยขณะกำลังกลืนอาหาร ซึ่งเป็นท่าที่เหมาะสมในการป้องกันการสำลักในผู้ที่มีภาวะกลืนลำบาก
-รับประทานอาหารคำเล็กหรือพอดีคำ ไม่ใหญ่เกินไป เคี้ยวอาหารอย่างช้าๆ ให้ละเอียดที่สุดก่อนกลืน
-ตั้งใจกลืนอาหาร ไม่คุยกันระหว่างรับประทานอาหารหรือไม่ควรหัวเราะขณะรับประทานอาหาร
-ไม่รีบเร่งในการรับประทานอาหาร ให้เวลากับมื้ออาหารอย่างเพียงพอ หากจำเป็นต้องป้อนอาหาร ควรป้อนอาหารให้ผู้ป่วยด้วยความเร็วที่เหมาะสม โดยสังเกตว่าผู้ป่วยกลืนอาหารในปากแล้วจึงป้อนอาหารช้อนต่อไป และตักอาหารให้พอดีกับที่ผู้ป่วยสามารถเคี้ยวได้
-ไม่ควรรับประทานอาหารขณะรู้สึกเหนื่อย เพราะอาจทำให้เกิดการสำลักได้
-สามารถรับประทานอาหารสลับกัน เช่น อาหารที่บดเคี้ยวสลับกับอาหารเหลว
-หลีกเลี่ยงอาหารที่เหนียว เคี้ยวยาก เนื่องจากอาจทำให้ติดคอ ถ้าอาหารชิ้นใหญ่ควรทำการหั่นซอยก่อน
-ปรุงอาหารให้มีลักษณะอ่อนนิ่ม หั่นเนื้อสัตว์ให้เล็กที่สุด หากเป็นผักก็หั่นให้เล็กลงและต้มให้นิ่ม
-เลือกระดับความหนืดของอาหารให้เหมาะสมกับความสามารถในการรับประทาน เช่น ในบางรายอาจสามารถกลืนอาหารที่มีความหนืดข้นได้ดีกว่าอาหารเหลว หากผู้ป่วยมีภาวะกลืนลำบากอาจทำการปรับลักษณะของอาหารและน้ำให้เหมาะสม โดยอาจใช้สารเพิ่มความหนืดใส่ลงในอาหารและของเหลวต่างๆ เพื่อช่วยลดโอกาสสำลัก
-อย่ารับประทานอาหารแห้งเกินไป ควรมีน้ำซอสหรือน้ำซุป เพื่อช่วยให้เนื้ออาหารชุ่มและนุ่มขึ้น
-จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบและลดสิ่งรบกวนขณะรับประทานอาหาร เช่น การพูดคุย การดูโทรทัศน์
-ดูแลทำความสะอาดช่องปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร เพื่อช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อจากการสำลักได้
ที่มา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ / โรงพยาบาลกรุงเทพ / โรงพยาบาลสมิติเวช / ศูนย์ฝึกอบรมปฐมพยาบาลและสุขภาพอานามัย
ภาพจาก AFP