TNN ‘ไข้เลือดออก’ เป็นแล้วป่วยซ้ำได้ไหม-อาการรุนแรงหรือไม่?

TNN

Health

‘ไข้เลือดออก’ เป็นแล้วป่วยซ้ำได้ไหม-อาการรุนแรงหรือไม่?

‘ไข้เลือดออก’ เป็นแล้วป่วยซ้ำได้ไหม-อาการรุนแรงหรือไม่?

สธ.ตอบข้อสงสัย ‘ไข้เลือดออก’ หากเคยเป็นมาแล้วป่วยซ้ำได้ไหม อาการจะรุนแรงขึ้นหรือไม่ วิธีการรักษาดีที่สุดทำอย่างไร?

วันนี้ ( 5 ก.ค. 66 )นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทย พบว่า ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยในปี 66 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 1-25 มีผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสม 27,377 ราย อัตราป่วยคิดเป็น 41.37 ต่อแสนประชากร เสียชีวิต 23 ราย อัตราป่วยตาย 0.08%


ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว พบผู้ป่วย 9,736 ราย อัตราป่วย 17.46 ต่อแสนประชากร เสียชีวิต 7 ราย อัตราป่วยตาย 0.09% ดังนั้น จำนวนผู้ป่วยปี 66 สูงกว่าถึง 3 เท่า และมีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียชีวิตสะสม พบทั้งกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่


นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่มีความเชื่อว่าเมื่อเคยป่วยโรคไข้เลือดออกแล้ว หากป่วยอีกอาการจะไม่รุนแรงนั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด เนื่องจากเชื้อไวรัสเดงกี่ที่ทำให้เกิดโรคไข้เลือดออกมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ซึ่งแต่ละปีสายพันธุ์ที่ระบาดอาจแตกต่างกัน การติดเชื้อครั้งแรกอาการอาจจะไม่รุนแรงมากนัก แต่การติดเชื้อครั้งที่ 2 อาจมีอาการรุนแรงขึ้นในทุกสายพันธุ์ โดยเฉพาะหากเป็นการติดเชื้อคนละสายพันธุ์กับครั้งแรก


ส่วนวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ขณะนี้ยังไม่ได้นำมาใช้ในการป้องกันโรคเป็นหลัก แม้ในการทดลองจะได้ผลดีในบางสายพันธุ์ ซึ่งเมื่อฉีดวัคซีนในบางคนที่เคยติดเชื้อมาแล้ว จะเหมือนเป็นการติดเชื้อครั้งที่ 2 หรือคนที่ไม่เคยเป็นไข้เลือดออกแล้วฉีดวัคซีน เมื่อติดเชื้อไข้เลือดออก อาจจะทำให้อาการรุนแรง


ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด คือ การป้องกันไม่ให้ถูกยุงลายกัด ร่วมกับการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย โดยได้กำชับให้ทุกเขตสุขภาพกำกับติดตามการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่พบผู้ป่วยไข้เลือดออก ผู้ป่วยเสียชีวิตและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานได้แจ้งผ่านกระทรวงมหาดไทย ให้ทุกจังหวัดจัดกิจกรรมทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในชุมชน วัด ศาสนสถาน ซึ่งพบค่าดัชนีลูกน้ำยุงลายสูง และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สนับสนุนทรัพยากร


สำหรับประชาชน ขอให้ใช้มาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค คือ 1. เก็บบ้านให้ปลอดโปร่ง เพื่อไม่ให้ยุงลายพักอาศัย 2. เก็บขยะและเศษภาชนะที่อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และ 3. เก็บน้ำให้มิดชิด ปิดฝาภาชนะ หรือเปลี่ยนน้ำทุก 7 วัน หรือปล่อยปลากินลูกน้ำ หรือใส่ทรายฆ่าลูกน้ำยุงลาย


ทั้งนี้ สามารถป้องกันได้ 3 โรค ทั้ง 1. ไข้เลือดออก 2. ไข้ปวดข้อยุงลาย และ 3. ไข้ซิกา รวมทั้งป้องกันการถูกยุงกัด ด้วยการสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด นอนในมุ้ง ใช้ยาจุดกันยุง หรือทายาป้องกันยุง


ข้อมูลจาก  : กระทรวงสาธารณสุข 

ภาพจาก : AFP 

ข่าวแนะนำ