ยูโร2020เม้าท์รายวัน : ขอบคุณพระเจ้าที่คุ้มครอง 'เอริคเซ่น'

สวัสดีครับ! แฟนๆฟุตบอลทุกท่าน ยูโร2020เม้าท์รายวัน กลับมาพบกันเป็นฉบับที่ 2 อยู่กับผม NickyMAN (ธีร์ธวัช กาญจน์วารีทิพย์) เช่นเคยนะครับ เราจะพบกันอย่างนี้ทุกวัน กับประเด็นเด็ดรอบวัน หรือรีวิวผลการแข่งขันที่น่าสนใจ ผมจะทำหน้าที่หยิบยกมาเล่าให้ทุกท่านได้อ่านกันผ่านตัวหนังสือแบบนี้จนจบทัวร์นาเม้นต์กันอย่างแน่นอน

เข้าสู่วันที่สองของการแข่งขัน แน่นอนว่ากระแสยูโร ครั้งนี้เริ่มกลับมาน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆจากแฟนบอลชาวไทย นอกจากนี้ยังมีข่าวดี จากการประกาศเข้ามาร่วมถ่ายทอดสดของทรูวิชั่นส์ โดยจะเริ่มกันตั้งแต่วันอาทิตย์ ที่ 13 มิ.ย. 64 หรือวันนี้เป็นต้นไปยาวถึงรอบชิงชนะเลิศเลยทีเดียว โปรแกรมการแข่งขันผมลงไว้ให้แล้วในเว็บไซต์ของ TNN ไปตรวจสอบกันได้นะครับ

เอาล่ะ เข้าสู่เรื่องที่น่าสนใจของเราในวันนี้ เชื่อว่าไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่าการล้มลงไปนอนคาสนามระหว่างเกมแบบหมดสติของ คริสเตียน เอริคเซ่น จอมทัพกัปตันทีมชาติเดนมาร์ก ในเกมนัดแรกของกลุ่มบี ที่พวกเขาลงเล่นกับฟินแลนด์ ในบ้านของตัวเอง โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในนาทีที่ 43 ของการแข่งขัน ...... จู่ๆ เขาก็ลงไปนอน โดยไม่มีอาการบาดเจ็บหรือสัญญาณอะไรบ่งบอกมาก่อน นอกจากนี้ยังมีอาการชัก ตัวแข็ง จนเพื่อนร่วมทีมต้องกรูกันเข้ามาดูและช่วยเหลือเบื้องต้นด้วยความเป็นห่วง ซึ่งผมบอกเลยนะ ว่าในขณะที่กำลังติดตามเกมคู่นี้อยู่ ผมก็ตกใจมาก มีอาการสมองสั่น เพราะผมค่อนข้างจะสะเทือนใจกับเรื่องแบบนี้ แล้วนี่ยิ่งเป็นการชมสดด้วย

ผมนิ่งไปชั่วขณะ และหวังให้พระเจ้าคุ้มครอง เอริคเซ่น ผมว่าหลายๆคนที่ดูอยู่ก็เป็นนะ คือความเป็นห่วงมันมีให้กับเพื่อนมนุษย์ ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้เป็นญาติอะไรกับเขา ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่เขาก็คือนักฟุตบอลที่เราได้เห็นกันมานาน ซึ่ง เอริคเซ่น ก็เปรียบเสมือนนักเตะที่ดีที่สุดแห่งทศวรรษของเดนมาร์กเลยแหละ อายุ 29 แต่รับใช้ทีมชาติมามากกว่า 100 นัดเข้าไปแล้ว เล่นในระดับสโมสรก็ทีมใหญ่ตลอด มันทำให้นึกถึงเคสของ มาร์ค วิเวียง โฟเอ้ อดีตมิดฟิลด์ผู้ล่วงลับของทีมชาติแคเมอรูน เลยแหละ ตอนนั้นเขาล้มลงไปแบบนี้บนสังเวียน คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ เมื่อปี 2003 ก่อนจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว ต้องบอกว่ามันอันตรายจริงๆสำหรับเรื่องแบบนี้

แต่สุดท้ายแล้วก็โชคดี หลังแฟนบอลเป็นห่วงกันทั้งโลกราวๆ 1 ชั่วโมง เมื่อ ยูฟ่า และเดนมาร์ก ได้ออกมาแถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า เอริคเซ่น ได้สติ ตอบสนองแล้ว อีกทั้งยังรับวีดีโอคอลจากเพื่อนร่วมทีมที่กำลังเฝ้ารออาการด้วยความใจจดใจจ่อ ก่อนที่เจ้าตัวจะบอกว่าให้ทุกคนลงกลับไปเล่นต่อ สู้ให้เต็มที่ นั่นยิ่งทำให้ผมเห็นความเป็นนักสู้และจิตใจที่เข้มแข็งของเขาเลยนะ สรุปแล้วเกมนี้ คิกออฟ 5 ทุ่ม จบที่ตีสองครึ่ง ผมว่ามันน่าจะเป็นการแข่งขันที่นานที่สุดในประวัติศาสตร์เลยมั่งกับสามชั่วโมงครึ่ง ตอนแรกผมคิดว่าควรจะยกเลิกไปก่อนนะ แล้วค่อยกลับมาเตะกันใหม่ เพราะนักเตะเดนมาร์กใจเสียไปแล้ว แต่สุดท้ายแล้วผู้ตัดสินก็ให้กลับมาแข่งกันต่อ

ทีนี้มาพูดถึงเกมการแข่งขันกันบ้าง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเดนมาร์ก จะแพ้ฟินแลนด์เลยเนอะ ? ก่อนเกมสื่อต่างประเทศมองว่าโอกาสที่ ฟินแลนด์จะชนะ มีไม่ถึง 15 % ด้วยซ้ำ พวกเขาไม่เคยเล่นรายการเมเจอร์ใหญ่ระดับนานาชาติมาก่อน นี่เป็นครั้งแรก การเจอกับเดนมาร์ก ก็เปรียบเสมือนเป็นทีมเยือน เพราะเล่นที๋โคเปนเฮเก้น รูปเกมโดยรวมสู้ไม่ได้ โอกาสยิงเจ้าถิ่นมี 22 ครั้ง แต่ทีมเยือนมี 1 ครั้ง 1 ครั้งจริงๆ! แต่เปลี่ยนเป็นประตูได้ จากลูกโขกเมื่อเกมผ่าน 1 ชั่วโมง นั่นหมายความว่า เดนมาร์ก ที่แทบจะพับสนามบุก กลับต้องมาเพรี่ยงพร้ำไปก่อน

หลังจากนั้นความซวยยังไม่จบ นอกจากจะเสียตัวเก่งไปแล้ว , ถล่มทั้งเกมยังทีมที่ยิงทีเดียวนำ ความซวยเด้งที่สามก็มาถึง เมื่อได้ลูกโทษในนาที 74 จากการฟาวล์ที่ผมว่าไม่ชัดเท่าไหร่นะ ทว่า ปิแอร์ ฮอยเบิร์ก ตัวที่คลาสสูง และน่าจะชัวร์มากๆ กลับยิงเบาเป็นปุยนุ่นแบบไม่ได้ลุ้น แม้จะโหมหลังจากนั้น แต่ก็ยิงไม่ได้ สุดท้ายแพ้! ทำให้ฟินแลนด์ ชนะทั้งที่เล่นนัดแรกในประวัติศาสตร์ชาติ โห....ผมไม่รู้จะพูดยังไง คือฟุตบอลคู่นี้หากเปรียบเป็นมวยนะ คืออารมณ์แบบ ฟินแลนด์ ฟกช้ำทั้งตัว หน้าแตกยับ , จมูกหัก , ปากแตก , ฟันหัก ฯลฯ แต่ต่อยหมัดเดียว เดนมาร์ก ล้มไปนอนหมดสติและไม่ฟื้นกลับมาอีกเลย ผมจึงคิดว่า เดนมาร์กวันนี้เป็นวันแห่งความซวยจริงๆ

สุดท้ายแล้วข่าวดีของพวกเขาและแฟนบอลทั้งโลกคือ เราจะยังไม่สูญเสีย เอริคเซ่น ไปก่อนวัยอันควร ขอบคุณพระเจ้าที่ยังเมตตาเก็บนักฟุตบอลนิสัยและฝีเท้าดี ไว้ให้ได้โชว์ผลงานเพื่อทุกคนได้ติดตามกันต่อ .... แล้วพวกคุณหล่ะ ตอนที่ดูอยู่ รู้สึกยังไงบ้าง มีอาการตกใจ สมองสั่นแบบผมมั้ย ลองพิมพ์คอมเม้นต์มาคุยกันนะครับ 

NickyMAN (นิก ธีร์ธวัช)